วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568 20:27 น.

การเมือง

“ครูปรีดา” เสนอตัดงบโครงการเช่าแท็บเล็ตของ ศธ. ชี้ควรไปลงทุนโครงการที่เกิดประโยชน์มากกว่า ซัดงบอบรมพัฒนาครูสูงกว่า 200 ล้าน แต่กลับไม่เห็นผลสัมฤทธิ์

วันศุกร์ ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 16.11 น.

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568  นายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม(กธ.) กล่าวอภิปรายต่อที่ประชุมสภาสมัยวิสามัญ (เป็นพิเศษ) วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะในส่วนของ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นกระทรวงสำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับอนาคตของชาติ ในปีงบประมาณ 2569 กระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณ 355,108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,333 ล้านบาท คิดเป็น 4.2% ถือเป็นกระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบมากเป็นอันดับที่ 3 รองจากกระทรวงการคลัง และกระทรวงกลาโหม

นายปรีดา กล่าวต่อว่า จริง ๆ แล้วการศึกษาควรได้รับงบประมาณเป็นอันดับหนึ่ง เพราะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์คือ รากฐานของความเจริญอย่างยั่งยืน และเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขันระดับโลก ในปีงบประมาณนี้ มีการจัดสรรงบประมาณให้กับโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา ซึ่งเป็นโครงการเช่าแท็บเล็ตให้กับนักเรียนกว่า 600,000 คน วงเงินรวม 20,001 ล้านบาท เป็นงบผูกพันระยะเวลา 8 ปี ตั้งแต่ปี 2567–2574 แต่ขณะนี้ โครงการยังไม่สามารถเริ่มได้ เนื่องจาก TOR ไม่แล้วเสร็จ งบประมาณปี 2568 ยังไม่ได้ใช้แม้แต่บาทเดียว 

นายปรีดา ยังกล่าวต่อว่า แม้เจตนาโครงการจะดี แต่ผลลัพธ์น่าเป็นห่วง เพราะ แท็บเล็ตที่ใช้ มักมีคุณภาพต่ำ ไม่เท่ากับสมาร์ทโฟนที่นักเรียนมีอยู่แล้ว ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ใช้แท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงมากกว่ากระบวนการเรียนรู้พื้นฐาน เช่น การอ่าน การเขียน การคิดวิเคราะห์ ถูกบั่นทอน ค่าเช่า Wi-Fi และค่าสาธารณูปโภคจะเพิ่มขึ้นในโรงเรียน โดยในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ฟินแลนด์ สวีเดน และเนเธอร์แลนด์ ภาคประชาชนและนักวิชาการได้ทำประชาพิจารณ์ และพบว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการจัดซื้อหรือเช่าแท็บเล็ตในลักษณะนี้ ตนเห็นว่า ควรตัดงบโครงการนี้ทั้งหมด และนำงบไปลงทุนในโครงการที่เกิดประโยชน์กับนักเรียนจริง ๆ  เช่น อาหารกลางวัน, ห้องสมุด, หรืออุปกรณ์วิทยาศาสตร์

อีกโครงการหนึ่งที่สำคัญคือ โครงการอบรมพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษา ใช้งบประมาณ 212 ล้านบาท แต่วันนี้การอบรมที่ใช้งบเดินทาง ค่าที่พัก วิทยากร เอกสาร ฯลฯ กลับไม่ได้ผลตามเป้าหมาย ตนขอเสนอว่า ควรปรับรูปแบบอบรมเป็นระบบไฮบริด ผสมผสานระหว่าง ออนไลน์ + On-site แบบกลุ่มเล็ก และจัดตั้งศูนย์วิชาการในกลุ่มโรงเรียน เพื่อให้ครูในพื้นที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันจริง ไม่ใช่แค่ไปเซ็นชื่ออบรม ตนขอตัดงบโครงการนี้ 5% เพื่อให้มีความคล่องตัวมากขึ้นและเน้นที่ผลสัมฤทธิ์

”เราต้องไม่ลืมว่า เทคโนโลยีไม่ใช่คำตอบของทุกปัญหา และงบประมาณไม่ควรมีเป้าหมายแค่ใช้ให้หมด แต่ต้องใช้ให้เกิดผลลัพธ์กับเด็กไทยอย่างแท้จริง ผมสนับสนุนงบประมาณในส่วนที่ดีและเหมาะสมจริง แต่ขอคัดค้านงบที่ยังไม่พร้อม หรือขาดประสิทธิภาพ เพื่อให้ภาษีของประชาชนถูกใช้ไปในทางที่เกิดประโยชน์สูงสุด“นายปรีดา กล่าว
 

หน้าแรก » การเมือง