เมื่อวันที่ 30 พ.ค.เวลา 21.20 น.นายก้องเกียรติ เกตุสมบัติ สส.นครศรีธรรมราช พรรคกล้าธรรม(กธ.)กล่าวอภิปรายสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้จัดสรรงบประมาณได้ตอบโจทย์พี่น้องเกษตรกรอย่างตรงจุด ชัดเจน และกล้าหาญ สำหรับพื้นที่ของตนถือเป็นแหล่งปลูกปาล์มน้ำมัน ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ มีเกษตรกรหลายหมื่นรายฝากชีวิตไว้กับพืชเศรษฐกิจชนิดนี้ โดยในปี 2568 ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกปาล์มกว่า 5.25 ล้านไร่ และผลิตทะลายปาล์มสดได้รวมกว่า 17 ล้านตัน มูลค่าการส่งออกน้ำมันปาล์มรวมกว่า 39,000 ล้านบาท 

นายก้องเกียรติ กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ราคาปาล์มตกลงอย่างต่อเนื่อง โดยเดือนมกราคม ราคาทะลายปาล์มสดเคยลดต่ำถึง 3.80 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าจุดคุ้มทุนที่เกษตรกรสามารถอยู่รอดได้คือ 4.20 บาทต่อกิโลกรัม แต่ด้วยมาตรการพยุงราคาของกระทรวงเกษตรฯ โดยเฉพาะการสนับสนุนการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเข้าสู่ระบบผลิตไฟฟ้า การจัดตั้งกองทุนพยุงราคาปาล์มผ่าน ธ.ก.ส.ส่งเสริมการผลิตไบโอดีเซล B7 และ B10 ส่งผลให้ราคาทะลายปาล์มสดในเดือนเมษายน ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4.30–4.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเกษตรกรพอใจ และสามารถยืนอยู่ได้

นายก้องเกียรติ ระบุต่อว่า ราคาไม่ใช่คำตอบเดียวของปัญหาเกษตรกรรม การพยุงราคาจะไร้ความหมาย ถ้าเกษตรกรไม่สามารถขายผลผลิตได้ตามเวลา ปัญหาในวันนี้คือ แม้ราคาดี แต่ ปาล์มสดค้างลานรับซื้อข้ามคืน หลายลานรับซื้อมีรถปาล์มจอดรอข้ามวัน น้ำหนักหาย คุณภาพลด และเกษตรกรเสียโอกาสอย่างยิ่ง ทั้งที่ในพื้นที่มีโรงงานหีบปาล์มหลายแห่ง บางแห่งมีกำลังการผลิตสูงถึง 80–100 ตันต่อวัน แต่กลับเปิดหีบเพียงวันละ 2-3 รอบ อ้างว่าไม่มีตลาดรองรับ ทั้งที่น้ำมันปาล์มเป็นวัตถุดิบที่ขาดตลาดในบางช่วง

“ผมขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบกำลังการผลิตจริงของโรงงานหีบปาล์มทั่วประเทศ และเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ หากโรงงานใดได้รับใบอนุญาตผลิต แต่ไม่เปิดหีบตามศักยภาพ ต้องมีมาตรการเตือนหรือพักใบอนุญาต ด้วยระบบ Smart Palm Platform ที่สามารถเช็กได้ว่า โรงงานใดเปิดหีบ ปริมาณคิวรถที่รอ และราคาที่รับซื้อ เพื่อให้เกษตรกร เลือกขายได้อย่างมีข้อมูล และลดอำนาจต่อรองที่ไม่เป็นธรรม สนับสนุนให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ปาล์มน้ำมัน หรือ “ศูนย์รวบรวมผลผลิต” ที่บริหารโดยเกษตรกร เพื่อรวมกลุ่มต่อรองกับโรงงาน และลดการพึ่งพาพ่อค้าคนกลางที่หักหัวคิว รวมถึงเร่งรัดการตั้งโรงงานผลิตไบโอดีเซลขนาดเล็กในท้องถิ่น โดยใช้งบส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อให้ปาล์มส่วนเกินมีช่องทางระบายในพื้นที่ ลดปัญหาปาล์มล้นลาน”นายก้องเกียรติ กล่าว

นายก้องเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า พี่น้องเกษตรกรไม่ได้ต้องการสงเคราะห์ แต่ต้องการระบบที่เป็นธรรม วันนี้รัฐบาลกำลังทำได้ดีในด้านราคา แต่ขอให้ทำให้สมบูรณ์ด้วยการดูแลเรื่องระบบ ปาล์มน้ำมัน คือพืชเศรษฐกิจแห่งอนาคต ที่ไม่ใช่แค่พลังงานทางเลือก แต่เป็นโอกาสของเกษตรกรไทย ผมขอสนับสนุนงบประมาณปี 69 ด้วยความหวังว่า งบประมาณจะไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่คือพลังที่เปลี่ยนชีวิตของคนปลายแถวอย่างแท้จริง