เมื่อวันที่ 4  มิถุนายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุมระหว่างที่ นายกรัฐมนตรีเดินมาพร้อมกับ รัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ผู้สื่อข่าวพยามสอบถามนายกรัฐมนตรีว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้นำกัมพูชาหรือไม่ หลังเคยมีการเจรจาจากกรณีที่มีการปะทะกันที่บริเวณด่าน ช่องบก จ.อุบลราชธานี ชายแดนไทย-กัมพูชาจนสถานการณ์บานปลาย กัมพูชาเตรียมยื่นศาลโลกตัดสิน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ถามกลับว่าพูดคุยเพิ่มเติมจากรอบไหน ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่ารอบแรกที่นายกรัฐมนตรี เคยระบุว่าได้พูดคุยแล้ว นายกรัฐมนตรีระบุว่า “ยังค่ะ”

ส่วนในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้จะมีการหารือเรื่องนี้ในที่ประชุมหรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า “มีค่ะ พรุ่งนี้ด้วย” จากนั้นก็ไม่ได้ตอบคำถามใดใดก่อนจะเดินเข้าตึกบัญชาการ 1 ทันที

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในที่ประชุม ครม.ว่า วันนี้ในเรื่องของปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ขอให้คณะรัฐมนตรีร่วมกันแก้ไข ซึ่งการแก้ปัญหาจะไม่มีการเมือง ไม่มีฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เพราะประเทศไทยต้องมาก่อน

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในที่ประชุม ครม.ว่า สำหรับสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา ที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ได้สั่งการให้ กระทรวงกลาโหม กองทัพบก และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเป็นเอกภาพ และขอยืนยันว่า รัฐบาลมุ่งมั่นในการรักษาอธิปไตยของประเทศไทยให้ถึงที่สุด และจะใช้มาตรการต่าง ๆ ในการคลี่คลายสถานการณ์ตามกรอบกฎหมาย และข้อตกลงกับประเทศกัมพูชา ตาม MOU 43 อย่างสันติ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียและความเสียหายโดยไม่จำเป็น

รวมทั้งเร่งรัดให้มีการเจรจาผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) โดยในครั้งนี้ทางกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 14 มิ.ย.68 จึงขอมอบหมาย ดังนี้

1. ให้กระทรวงการต่างประเทศ รับผิดชอบเรื่องการแถลงข่าวสถานการณ์ดังกล่าวเป็นระยะ โดยให้ประสานข้อมูลอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงกลาโหม และกองทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

2. ให้หน่วยงานความมั่นคง และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้มงวดควบคุมไม่ให้เกิดข่าวเท็จ (Fake News) ที่ยุยงปลุกปั่นในสถานการณ์ที่เปราะบางเช่นนี้ และขอความร่วมมือให้สื่อต่าง ๆ รวมทั้ง Social Media และภาคส่วนต่าง ๆ อย่าปลุกเร้าขยายความขัดแย้งมากขึ้น เพราะไม่เป็นประโยชน์ใด ๆ ต่อประชาชนคนไทย และประเทศชาติ

3. ขอส่งกำลังใจแก่ทุกเหล่าทัพ และทหารที่อยู่ในแนวหน้า ขอให้ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยด้วยความอดกลั้น เพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ แขอยืนยันว่ารัฐบาลจะเร่งรัดแก้ปัญหาให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุด

"ทวี" มองปมไทย-กัมพูชา ต้องเน้นสร้างความเข้าใจ เชื่อ ภูมิธรรม กองทัพ ไร้ขัดแย้ง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สำหรับกระทรวงยุติธรรม มีหน่วยงานในส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นจำนวนมากก็มีรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงยุติธรรม

พร้อมย้ำว่า เรื่องสถานการณ์ชายแดน ต้องเน้นดูแลความปลอดภัยประชาชน รวมทั้งต้องสื่อสารสร้างความเข้าใจกับประชาชนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้เชื่อว่าทั้งทหารและประชาชนไม่น่าจะมีความอึดอัดต่อสถานการณ์ และในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ก็มีการพูดคุยกันโดยตลอดในเรื่องของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่น่าจะมีปัญหาขัดแย้งอะไร

ส่วนเรื่องทางกัมพูชาจะนำประเด็นเขตแดนที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์นี้ขึ้นศาลโลกในขณะนี้ อาจจะยังไม่ถึงจุดนั้น แต่กระทรวงยุติธรรมก็ติดตามเรื่องนี้อยู่ เพราะ กระทรวงยุติธรรมถือว่าเป็นหนึ่งในหน่วยงานด้านความมั่นคงที่อยู่มานานเป็นร้อยปี รวมทั้งมีองค์ความรู้มากที่จะต้องดูแลในเรื่องของสิทธิสภาพนอกอาณาเขตและมีการปฏิรูปกฎหมายให้ทั่วโลกยอมรับ