เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำลังพลกองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) ณ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนช่องบก

นายภูมิธรรมเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้กำลังใจทหารแนวหน้า และยืนยันว่ากองทัพมีความพร้อม 100% ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ พร้อมชี้แจงกรณีข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นกับระเบิดเก่า ไม่ใช่เหตุการณ์ใหม่ตามที่เป็นข่าว ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนระหว่างสองประเทศ

“ขอให้ทุกฝ่ายใช้สติ ข่าวบางอย่างสร้างความบั่นทอนโดยไม่จำเป็น เราต้องตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงและความอดกลั้น” นายภูมิธรรมกล่าว

เขาย้ำว่ารัฐบาลจะไม่ยอมให้ใครละเมิดอธิปไตยของชาติ และพร้อมสนับสนุนงบประมาณและการดำเนินงานของกองทัพในระยะยาว หากจำเป็นต้องยกระดับมาตรการก็มีแผนพร้อมดำเนินการ

ใช้การทูตเชิงรุก หลีกเลี่ยงปะทะ
นายภูมิธรรมระบุว่ารัฐบาลยังยึดแนวทางสันติวิธีเป็นหลัก และใช้การทูตเชิงรุกในการเจรจากับกัมพูชา โดยเน้นพูดคุยเฉพาะจุดที่มีปัญหา ไม่ขยายประเด็นไปยังพื้นที่พิพาทอื่น เช่น กรณีปราสาทพระวิหาร

“เรายังไม่ได้เสียอธิปไตยใด ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความไม่เข้าใจ เราอยากให้สถานการณ์คลี่คลาย และต้องการเจรจาในจุดที่เกิดเหตุจริง” เขากล่าว

นายภูมิธรรมยังกล่าวชื่นชมแม่ทัพภาคที่ 2 และกองทัพไทยที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีวินัย โดยเตือนให้หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งบานปลาย

รัฐบาล–กองทัพ–ประชาชน ต้องเป็นหนึ่งเดียว
ในช่วงท้ายของการแถลง นายภูมิธรรมเน้นย้ำว่า รัฐบาลและกองทัพไม่มีความขัดแย้ง พร้อมเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันเพื่อปกป้องประเทศ พร้อมขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะไม่ยอมให้ใครล้ำเส้นอธิปไตยของชาติ

“รัฐบาลคือกองหนุนของกองทัพ เราจะสู้ไปด้วยกัน และสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้คือความเป็นหนึ่งเดียวภายในประเทศ” นายภูมิธรรมกล่าว