เมื่อวันที่ 8  มิถุนายน 2568 นายสุธรรม จริตงาม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยภายหลังร่วมงานสัมมนา “ทางเลือก ทางรอด ชาวนาภาคกลาง” ณ อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ว่า ตนรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนและรับฟังเสียงจากพี่น้องเกษตรกรโดยตรง ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาที่ลึกและซับซ้อน ทั้งในเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจเกษตรและความเหลื่อมล้ำทางโอกาส

“ไม่ว่าจะเป็นชาวนา ชาวไร่ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย หรือชาวสวนปาล์มและยางพารา ต่างล้วนเผชิญปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ขณะที่ต้นทุนพุ่งสูงทุกปี แต่กลับไม่มีใครลุกขึ้นมาจัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจัง” นายสุธรรมกล่าว

โดยเฉพาะในเวทีสัมมนาครั้งนี้ มีการพูดคุยถึงการพัฒนาพันธุ์ข้าวให้ทนต่อสภาพอากาศ การลดต้นทุนการผลิต และการเข้าถึงตลาดที่เป็นธรรม ซึ่งล้วนเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องการการสนับสนุนจากผู้กำหนดนโยบายระดับชาติอย่างต่อเนื่อง

นายสุธรรมกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ในขณะที่เกษตรกรต่อสู้กับดินฟ้าอากาศและราคาตลาด รัฐบาลกลับต่อสู้อย่างเดียวคือการรักษาอำนาจทางการเมือง ปัญหาปากท้องของประชาชนกลับกลายเป็นเรื่องรอง ทั้งที่มันควรเป็นเรื่องหลัก”

นอกจากปัญหาของชาวนาแล้ว นายสุธรรมยังกล่าวถึงเกษตรกรในภาคใต้ โดยเฉพาะชาวสวนปาล์มน้ำมันและสวนยางพารา ซึ่งกำลังเผชิญกับราคาตกต่ำและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

“ผมได้เสนอให้มีการทบทวนสูตรโครงสร้างราคาปาล์มน้ำมัน ควบคุมการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์และสนับสนุนการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า ส่วนยางพารา เราต้องเร่งหาตลาดใหม่และเพิ่มการใช้งานในประเทศ กำจัดการลักลอบน้ำเข้ายางอย่างจริงจัง ไม่ใช่ปล่อยให้ชาวสวนขายขาดทุนจนต้องทิ้งสวน”

สุธรรมย้ำว่า ได้เสนอประเด็นเหล่านี้ต่อประธานกรรมาธิการการเกษตรฯ แล้ว และจะผลักดันให้บรรจุเป็นวาระในการประชุมสภาทันทีที่เปิดสมัยประชุม

 “เกษตรกรทุกคนไม่ควรถูกละเลย เพราะพวกเขาคือผู้ที่ยังหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยอยู่เงียบๆ ใต้แสงแดดและหยาดเหงื่อ”

นายสุธรรมกล่าวปิดท้ายอย่างหนักแน่นว่า  “ผมขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ ไม่ว่าคุณจะอยู่กลางทุ่งนา ในไร่ข้าวโพด ไร่มัน ไร่อ้อย หรือในสวนยางและสวนปาล์ม เรามีใจเดียวกัน ประเทศไทยจะดีขึ้นได้ หากผู้มีอำนาจยืนเพื่ออยู่ข้างประชาชน ไม่ใช่ยืนอยู่เพื่อฐานอำนาจของตนเอง