วันอังคาร ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568 12:07 น.

การเมือง

กระทรวงพาณิชย์ วิเคราะห์ไทย-กัมพูชา ปิดด่าน ธุรกิจย่อย-ตลาดนัด เริ่มชะงัก เตรียมหารือเอกชนรับมือ

วันอาทิตย์ ที่ 08 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 17.12 น.

เมื่อวันที่ 8  มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ทำการวิเคราะห์ผลกระทบของการปิดด่านการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันที่ 8 มิถุนายน 2568 ดังนี้ ในด้านผลกระทบเชิงพื้นที่สำหรับด่านศุลกากรที่มีบทบาทหลัก นั้นในปี 2567 โดย อรัญประเทศ (สระแก้ว) มีมูลค่าการค้า 110,718 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 63.4% ตามด้วย คลองใหญ่ (ตราด) 29,289 ล้านบาท สัดส่วน 16.8% จันทบุรี 26,621 ล้านบาท สัดส่วน 15.3% ช่องจอม (สุรินทร์) 6,084 ล้านบาท สัดส่วน 3.5% ช่องสะงำ (ศรีสะเกษ) 1,818 ล้านบาท สัดส่วน 1.0% รวม 5 ด่าน มูลค่าการค้ารวม 174,530 ล้านบาท ซึ่งหากปิดด่านอรัญประเทศเพียงแห่งเดียว จะส่งผลต่อมูลค่าการค้า มากกว่า 60% ของทั้งหมด ปิดด่านคลองใหญ่ และ จันทบุรี รวมกันอีก 30% ดังนั้น หากปิดด่านใหญ่ 3 แห่งจะทำให้การค้าชายแดนไทย-กัมพูชาหยุดชะงักเกือบทั้งหมด

โดยกลุ่มสินค้าที่จะได้รับผลกระทบ นั้น จากข้อมูลส่งออก 4 เดือนแรกปี 2568 สินค้าส่งออกสำคัญจากไทยไปกัมพูชา ได้แก่ เครื่องดื่ม, ส่วนประกอบรถยนต์/จักรยานยนต์, เครื่องยนต์, เครื่องจักรกลเกษตร คิดเป็นสัดส่วนกว่า 30% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด ขณะที่สินค้าไทยนำเข้าสำคัญ ได้แก่ มันสำปะหลัง, เศษโลหะ (อะลูมิเนียม, ทองแดง), ลวดสายไฟ เป็นต้น สินค้าเหล่านี้สำคัญต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องในไทย เช่น อาหารสัตว์, รีไซเคิล, อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการปิดด่านจะทำให้เกิดความล่าช้า ต้นทุนเพิ่ม และห่วงโซ่การผลิตสะดุด

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ วิเคราะห์ ในส่วนผลกระทบเชิงเวลาและความต่อเนื่อง นั้น แม้ปัจจุบันเดือนมิถุนายน จะมีการปรับวันและเวลาเปิด-ปิดด่าน เฉพาะการควบคุมคนเข้าออก ไม่กระทบการค้าสินค้าโดยรวม แต่ถ้ามีการปิดด่านอย่างถาวรหรือ ปิดหลายด่านพร้อมกัน แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้นไม่เกิน 3 เดือน จะส่งผลต่อ ธุรกิจรายย่อยข้ามแดน เช่น ตลาดชายแดนหยุดชะงัก รวมถึง โลจิสติกส์หยุด และการเบี่ยงเบนเส้นทาง ระยะกลาง ตั้งแต่ 3-12 เดือน ส่งผลต่อ ผู้ส่งออกต้องหาตลาดหรือเส้นทางใหม่ และ อุตสาหกรรมไทยที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าจากกัมพูชาเริ่มกระทบ ระยะยาวเกิน 1 ปี จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเสถียรภาพพรมแดนลดลง และความสัมพันธ์ทางการค้าอาจเปลี่ยนไปสู่ช่องทางทางทะเลหรือผ่านประเทศอื่นแทน

ทั้งนี้ การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ปี 2567 มีมูลค่ารวม 174,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% โดยไทยส่งออก 141,846 ล้านบาท เพิ่ม 7.5% นำเข้า 32,684 ล้านบาท เพิ่ม 9.8% ไทยได้ดุลการค้า 109,163 ล้านบาท โดย 4 เดือนแรกปี 2568 มีมูลค่ารวม 64,612 ล้านบาท เพิ่ม 12.3% ในจำนวนนี้ไทยส่งออก 50,225 ล้านบาท เพิ่ม 9.7% ไทยนำเข้า 14,387 ล้านบาท เพิ่ม 22.4% และได้ดุลการค้า 35,835 ล้านบาท ซึ่งผ่านอรัญประเทศ (สระแก้ว) อันดับ 1 สัดส่วน 62.3% ตามด้วย คลองใหญ่ (ตราด) 19.3% และ จันทบุรี 15.5%

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า กระทรวงพาณิชย์ วิเคราะห์โอกาสในการบริหารความเสี่ยง ว่า หากการปิดด่านเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เสนอปรับตัว 1. การกระจายความเสี่ยงการค้าไปยังด่านอื่นที่ยังเปิดอยู่ 2. การพัฒนาโลจิสติกส์ทางเลือก เช่น รถไฟ, ทางทะเล (ผ่านเวียดนามหรือลาว) 3. การเจรจาระดับทวิภาคี เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสร้างความมั่นใจให้ผู้ค้า โดยกระทรวงพาณิชย์เตรียมหารือกับภาครัฐและเอกชนถึงการเตรียมความพร้อมนโยบายความช่วยเหลือด้านการค้า และแก้ไขได้ทันเหตุการณ์
 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง