เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงความคืบหน้าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายอย่างเป็นรูปธรรม จากการเจรจาในทุกระดับ ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี, รองนายกรัฐมนตรี, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไปจนถึงระดับแม่ทัพ ซึ่งมีการประสานงานใกล้ชิดผ่านทูตทหารในกัมพูชา

โดยเมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (8 มิ.ย.) ได้ข้อสรุปร่วมว่า สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งยังมีบทบาทสำคัญทางการเมือง ยืนยันไม่ประสงค์ให้เกิดความขัดแย้งทางทหาร และพร้อมหาทางออกอย่างสันติ นายภูมิธรรมจึงย้ำว่าหน้าที่ของตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คือหลีกเลี่ยงความสูญเสีย ไม่เลือกใช้กำลังหากไม่จำเป็น

ตลอดช่วงวันศุกร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา มีการเจรจาต่อเนื่องในหลายระดับ ซึ่งนำไปสู่ข้อสรุปเบื้องต้น เช่น การลดระดับการเผชิญหน้า และการสำรวจพื้นที่ร่วมกันในจุดปะทะ เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด โดยฝ่ายไทยส่งรองแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งมีความคุ้นเคยในพื้นที่เข้าร่วมเจรจาและประสานงานกับฝ่ายกัมพูชา ซึ่งมีท่าทีตอบรับดี และตกลงให้เดินสำรวจพื้นที่ร่วมกัน พร้อมปรับจุดตั้งกำลังให้กลับสู่สภาพเดิมเมื่อปี 2567

"จุดสำคัญคือการเจรจานำไปสู่การยุติการเผชิญหน้า ซึ่งเป็นเป้าหมายแรกของเรา ถือเป็นความสำเร็จสำคัญ และหลังจากนี้จะเข้าสู่การประชุมในวันที่ 14 มิถุนายน ตามกรอบของคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) โดยเน้นหารือทางเทคนิค ไม่เน้นประเด็นละเอียดอ่อน เช่น ปราสาทต่างๆ" นายภูมิธรรมกล่าว

ส่วนกรณีการปิดด่านพรมแดน นายภูมิธรรมชี้แจงว่า ไทยไม่ได้มีคำสั่ง "ปิดด่าน" อย่างถาวร แต่เป็นเพียงการจำกัดเวลาและจำนวนคนเข้าออก เพื่อคลายความตึงเครียดเฉพาะจุด ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับมติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่เน้นให้ "หน้างาน" ปรับมาตรการตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่

ทั้งนี้ มาตรการ “Seal, Stop, Save” ยังคงถูกใช้เพื่อควบคุมสถานการณ์ โดยยังไม่กระทบต่อการค้าชายแดน โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นยังสามารถขนส่งได้ตามปกติ

นายภูมิธรรมยังกล่าวขอบคุณกองทัพไทยทุกหน่วยที่อดทน อดกลั้น และไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง จนนำมาซึ่งความสำเร็จของการคลี่คลายสถานการณ์ พร้อมย้ำว่า พล.อ.ณัฐพล นาควานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงานหลักระหว่างกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพในทุกระดับ

สำหรับกรณีการตรึงกำลังของกองทัพกัมพูชาที่เคยระบุว่ามีมากกว่า 10,000 นาย นายภูมิธรรมมองว่า ขณะนี้เริ่มมีการลดกำลังและถอยจุดเผชิญหน้าในหลายพื้นที่แล้ว แม้จะยังไม่ยกเลิกทั้งหมดทันที แต่ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก

“สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราเดินหน้าแก้ปัญหาด้วยสติ ไม่ใช้กำลังโดยไม่จำเป็น และให้ความสำคัญสูงสุดกับชีวิตของประชาชนและทหารแนวหน้า” นายภูมิธรรมกล่าว