วันศุกร์ ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568 10:23 น.

การเมือง

นายกฯขอคนไทยมั่นใจไม่มีสงคราม วอนไม่อยากเห็น 2 ประเทศเป็นสนามรบ 

วันอังคาร ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 14.40 น.

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568   ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทางรัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้ง โดยมีการปฏิบัติงานร่วมกันและมีการพูดคุยในหลายภาคส่วน ซึ่งผลออกมาก็ค่อนข้างสงบเรียบร้อยดี รวมถึงการคุยกันระหว่างกระทรวงและทุกหน่วยงานทั้งไทยและกัมพูชา ซึ่งตนก็ได้มีการพูดคุยกับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็มีการประสานงานกัน มีการเจรจาเพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศชาติ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาเราสามารถเจรจากันด้วยสันติวิธี ทำให้ไม่มีการปะทะกันที่รุนแรง

นายกฯ กล่าวต่อว่า มีการปรับกำลังพลในพื้นที่ที่มีข้อพิพาทให้อยู่ในสถานการณ์ปกติ ส่วนบริเวณพื้นที่อื่นๆยังมีกำลังพลตามเดิม ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศได้เน้นย้ำในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) วันที่ 14 มิ.ย.นี้ โดยมีการคอนเฟิร์มในทุกระดับ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ระดับนายกรัฐมนตรี ขอยืนยันวันที่ 14 มิ.ย.นี้มีการประชุมเกิดขึ้นแน่นอน

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ได้มีการกำชับมาตรการชายแดนต่างๆให้มีการเปิด-ปิดตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ไม่ได้มีการปิดด่านถาวรตามที่มีข่าวลือออกมา เพราะทราบดีว่าพื้นที่ตรงนั้นมีการค้าขายระหว่างประเทศ ถ้าปิดด่านถาวรจะส่งผลเสียต่อประชาชน ฉะนั้นก็มีมาตรการรัดกุมในเรื่องของเวลาเปิด-ปิดด่าน และต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ได้มีส่วนในการเจรจราในครั้งนี้ และสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนว่าเราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยสันติวิธี รัฐบาลขอยืนยันอีกครั้งการเจรจาทั้งหมดนี้ผ่านไปด้วยดี และขอเน้นย้ำว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นกับประชาชนอย่างแน่นอน

เมื่อถามว่า นายกฯให้ความมั่นใจได้ใช่หรือไม่ว่าจะไม่มีสงครามเกิดขึ้น นายกฯ กล่าวว่า “ค่ะ“

เมื่อถามต่อว่ามีความมั่นใจกับท่าทีสมเด็จฮุน เซน แค่ไหน หลังออกมาโพสต์ข้อความที่มีนัยเชิงลบ และการขยับกำลังไม่ได้เป็นการถอย เหมือนการนอนอยู่แล้วเปลี่ยนท่า นายกฯ กล่าวว่า คำว่าถอยทั้งสองฝ่ายก็ไม่อยากใช้คำนี้ เราใช้คำว่าปรับกำลัง เพราะเราปรับกำลังทั้งคู่เป็นการให้เกียรติกันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่แค่กัมพูชาอย่างเดียวแต่ของเราก็ปรับกำลังเช่นกัน การที่เขาบอกว่าพร้อมรับมือ เราก็พร้อมเช่นกันไม่ว่าจะเป็นการปะทะในแบบไหนเราต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน เรามีความจริงใจแบบนี้ ไม่ต้องการเห็นคนทั้งสองประเทศมีปัญหากัน เราต้องการความสงบ ตอนนี้เราเร่งเครื่องเรื่องเศรษฐกิจมากกว่า ไม่อยากให้มาเป็นสนามรบหรืออะไร

เมื่อถามอีกว่าหนึ่งในข้อเสนอคือการให้ประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกให้เป็นสากล และยกเลิกเอ็มโอยู 43 เราจะหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาหลังเกิดความขัดแย้งครั้งนี้เลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราขอพิจารณาเป็นเรื่องๆไป เหมือนที่เรายืนยันกับทางกัมพูชา ว่าเราขอโฟกัสที่เรื่องข้อพิพาทก่อนไม่ใช่เอาทุกเรื่องมาปนกันหมด ไม่อย่างนั้นจะไม่ชัดเจนในแต่ละหัวข้อ แต่ทุกเรื่องที่มีปัญหาหรือว่ายังไม่จบ รัฐบาลและฝ่ายบริหารต้องพิจารณาอยู่แล้ว ย้ำว่าแก้ทีละปมทีละจุด 
 

หน้าแรก » การเมือง