วันเสาร์ ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568 22:23 น.

การเมือง

"เครือข่ายปราจีน” บุกยื่นหนังสือ ประธานกมธ.การพัฒนาการเมืองฯ เรียกร้องหยุดขยายพื้นที่ EEC ในพื้นที่ 

วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 13.42 น.

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568  เวลาประมาณ 10.30 น.ตัวแทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่ รัฐสภา เพื่อคัดค้านการเสนอจังหวัดปราจีนบุรีเป็นพื้นที่ขยายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( EEC ) 

นายเฉลิมชัย กล้าหาญ ตัวแทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง กล่าวว่า จังหวัดปราจีนบุรีกำลังเผชิญปัญหาการปนเปื้อนมลพิษในพื้นที่จากการพัฒนาอุตสาหกรรมเดิมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชนอย่างรุนแรง รวมไปถึง ผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมของกลุ่มทุนต่างชาติที่ขาดความโปร่งใสของทุนจีนเทา ที่มีพฤติกรรมลักลอบใช้ทรัพยากร สร้างมลพิษ จ้างแรงงานต่างชาติ แรงงานผิดกฎหมาย และการทำอาชีพสงวนหลีกเลี่ยงท้าทายกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงในชุมชนอย่างชัดเจน โดยยังไม่มีมาตรการหรือแผนงานที่เป็นรูปธรรมในการจัดการและฟื้นฟูพื้นที่ 

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า สิ่งที่จำเป็นและควรกระทำโดยเร่งด่วนในขณะนี้ ได้แก่ การศึกษาแหล่งกำเนิดมลพิษ การกำหนดแผนฉุกเฉินในการจัดการมลพิษ และการฟื้นฟูพื้นที่อย่างจริงจัง รวมถึงการเอาผิดกับผู้ก่อมลพิษอย่างชัดเจน ไม่ใช่การขยายพื้นที่ EEC เข้ามาซ้ำเติมอีก และยังปรากฏกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษา ซึ่งสร้างความคลางแคลงใจให้กับประชาชนในพื้นที่ถึงบทบาทและวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในเชิงนโยบายการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนต่างชาติ ยิ่งตอกย้ำความไม่ไว้วางใจของประชาชนต่อกระบวนการทั้งหมด 

ขณะที่นายสุนทร  คมคาย ตัวแทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง กล่าวว่า การเดินหน้าผลักดันให้จังหวัดปราจีนบุรีเป็นพื้นที่ขยาย EEC ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายพิเศษ เป็นการเปิดทางให้กับการลงทุนขนาดใหญ่โดยไม่มีมาตรการรับประกันสิทธิของประชาชนหรือกลไกการมีส่วนร่วมที่แท้จริงและโปร่งใส จึงเป็นการซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้าง และอาจเป็นการเปิดช่องให้นายทุนเข้ามาใช้พื้นที่โดยไม่รับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น ทางเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง ขอเสนอให้ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้เร่งดำเนินการ ยกเรื่องการขยายพื้นที่ EEC ในจังหวัดปราจีนบุรีขึ้นเป็นวาระเร่งด่วนของคณะกรรมาธิการฯ เนื่องจากกระบวนการศึกษาของสำนักงาน EEC และสถาบันที่ให้คำปรึกษาฯ มีกรอบระยะเวลาจำกัดและดำเนินการอย่างเร่งรัด ซึ่งอาจทำให้ประชาชนในพื้นที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลและแสดงความเห็นอย่างแท้จริง และส่งผลกระทบระยะยาวต่อสิทธิและความมั่นคงของชุมชน 

นายสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ยังขอให้ กมธ.ฯ ดำเนินการตรวจสอบ TOR ของโครงการศึกษาการขยายพื้นที่ EEC เพื่อตรวจสอบขอบเขตงาน แนวทางการมีส่วนร่วม และระยะเวลาการดำเนินการ ตรวจสอบกระบวนการการดำเนินงานว่ามีขั้นตอนอย่างไร รวมไปถึงที่ดำเนินการไปแล้วเช่นประชุมกลุ่มย่อย การลงพื้นที่ หรือวงหารือในลักษณะต่าง ๆ ที่จัดขึ้นนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรับฟังความคิดเห็นตามกฎหมายหรือไม่ มีการประกาศจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นอย่างเปิดเผย โปร่งใส ผ่านช่องทางที่ประชาชนเข้าถึงได้จริง ตามกฎหมายกำหนดหรือไม่ และขอรายงาน รายชื่อผู้เข้าร่วม พร้อมทั้งบันทึกการประชุมในส่วนที่ดำเนินการแล้วทั้งหมด รวมไปถึง ขอให้คณะกรรมาธิการฯ ช่วยผลักดันให้มีการระงับกระบวนการทั้งหมดของการขยายพื้นที่ EEC มายังจังหวัดปราจีนบุรี ไว้ก่อน 

ด้านนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ รองประธาน กมธ.ฯ เข้ารับหนังสือ พร้อมกล่าวว่า เราให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน EEC เริ่มต้นจากคสช.โดยเริ่มในพื้นที่ระยอง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ประชาชนไม่มีสิทธิ์ออกเสียง ดังนั้นเมื่อจะมีการขยายพื้นที่ซึ่งปัจจุบันเป็นประชาธิปไตย ทางคณะกรรมาธิการฯ จึงขอรับเรื่องทั้งหมดไปพิจารณา แล้วประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้ถูกต้องตามหลักการประชาธิปไตย ซึ่งกรณีนี้ต้องพิจารณาทบทวนถึงพื้นที่ 3 จังหวัด EEC เดิมสัมฤทธิ์ผลหรือไม่อย่างไรสร้างปัญหาอะไรบ้าง หากเราติดตามจะเห็นว่าพื้นที่ EEC เดิมมีปัญหาเยอะมาก 

“จากเดิมที่คาดหวังอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าแต่ที่ผ่านมามีแต่ธุรกิจทุนเทา สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ มากมาย ซึ่งปราจีนเองก็มีปัญหาที่เกิดขึ้นมากมายเช่นมลพิษ ปัญหาโรงงานที่ไม่ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วม ดังนั้นก่อน EEC จะขยายไปที่ปราจีนบุรี ถึงเวลาที่ต้องพิจารณา พรบ.EEC ทั้งคำสั่งของ คสช การยกเว้นผังเมือง สรุปบทเรียนจากพื้นที่ 3จังหวัด EEC เดิม ทบทวน พรบ.EEC กันใหม่ก่อนที่จะขยายไปยังพื้นที่ใหม่

หน้าแรก » การเมือง