วันเสาร์ ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568 22:29 น.

การเมือง

"กมธ.มั่นคงแห่งรัฐ สภาฯ" ถกลับปมชายแดนไทย-กัมพูชา  แนะรัฐบาลเพิ่มมาตรการปราบคอลเซ็นเตอร์ช่วยเพิ่มน้ำหนักการเจรจา JBC

วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 15.07 น.

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568  ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร บอกภายหลังการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงกรณีความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยอมรับว่า คงไม่อาจเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดได้ และบางอย่าง จำเป็นต้องให้เป็นเรื่องรับทราบของกรรมาธิการ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศไทย

ทั้งนี้ ในกรรมาธิการ ได้มีการพูดคุยในเบื้องต้นเรื่องเตรียมความพร้อมต่างๆทุกมิติ โดยมองว่าทางเลือกมีหลายทาง และการประชุมในครั้งนี้ ได้เห็นพ้องในหลายเรื่อง เช่น เรื่องแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ที่กรรมาธิการได้แนะนำผ่านรัฐมนตรี ไปยังรัฐบาลว่า ควรเพิ่มมิติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และฝั่งประเทศไทยถือเป็นน้ำหล่อเลี้ยงสำคัญเศรษฐกิจกัมพูชา เพื่อทำให้การเจรจามีน้ำหนักการพูดคุยมากขึ้น

สำหรับการเตรียมความพร้อม หลังกัมพูชาพยายามยกระดับความขัดแย้งไปสู่กลไกการใช้ศาลโลกนั้น กรรมาธิการได้เสนอไปยังรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ไทยมีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม ไม่สามารถประมาทได้ในทุกมิติ เพราะถึงแม้ว่าประเทศไทยได้ถอนตัวออกจากศาลโลกไปแล้ว หลังมีประเด็นเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหาร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะวางใจได้ เนื่องจากมองว่า กัมพูชาได้เตรียมความพร้อมมานานแล้ว ทั้งการปรับรูปแบบการดำเนินการ หรือการจ้างสำนักกฏหมาย (lawfirm) ดังนั้นไทยต้องเตรียมความพร้อม และความรู้กฎหมายด้านต่างประเทศ รวมทั้งกลไกต่างๆ ในรูปแบบทั้งตั้งรับ และเชิงรุกต่อไป

ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ได้ขอสื่อสารไปยังรัฐบาลและประชาชนว่า เรื่องสำคัญในขณะนี้ คือการสร้างหลุมหลบภัยและบังเกอร์ เพราะเหตุการณ์ปัจจุบันแตกต่างจากเมื่อปี 2554 ที่ กัมพูชาได้รับอาวุธยุทธโธปกรณ์ซึ่งทันสมัยเพิ่มมากกว่าเดิม เนื่องจากแม้จะเชื่อมั่น ในศักยภาพของฝ่ายไทย แต่เชื่อว่าการเตรียมความพร้อม และความเชื่อมั่นให้กับประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะสุดท้ายยังไม่รู้ว่าการเจรจา JBC จะจบอย่างไร ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ นายรังสิมันต์ โรม จึงมองว่า หากมีการใช้อาวุธเกิดขึ้นจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างแน่นอน จึงขอให้นายกรัฐมนตรีอนุมัติอนุมัติการใช้งบกลางแก้ไขปัญหา เพราะมีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อสร้างหลุมหลบภัยให้ทันและตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ ทั้งยังย้ำว่านายกรัฐมนตรีต้องเร่งสั่งการ การใช้งบประมาณเพื่อดำเนินการกับเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสเลื่อนการเลื่อนการประชุม JBC หรือไม่ นายรังสิมันต์ มองว่า กัมพูชาไม่ยอมเอา 3 ปราสาท และกรณีช่องบกมาพูดคุย แต่ไทยมองว่าต้องเอาเฉพาะเรื่องช่องบกมาพูดคุยไม่เช่นนั้นจะหาทางออกไม่ได้ ดังนั้นหากทุกฝ่ายเคารพ MOU 43 จะต้องใช้ กลไกทวิภาคี เชื่อว่าเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย เพราะเป็นเครื่องมือความขัดแย้งลดความขัดแย้ง พร้อมยกตัวอย่างกรณีที่นำปราสาทเขาพระวิหารไปศาลโลกปัจจุบันและความยืดเยื้อ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดจะทำให้กัมพูชาเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจทางเศรษฐกิจเอง นายรังสิมันต์ มั่นใจว่ามีหลายมิติที่จะสามารถทำให้ทำให้กัมพูชาเค้าพูดคุยเพื่อลดโอกาสความขัดแย้งและการใช้อาวุธ

นายรังสิมันต์ ยังมองว่าขณะนี้ ทุกหน่วยงานตั้งหลักได้แล้วโดยใช้ สมช. ในการพูดคุยรายละเอียด การวางขั้นตอน หากสถานการณ์บานปลาย ดังนั้นกรรมาธิการจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดพร้อมพูดคุยกับรัฐบาลต่อไปเพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และทำงานร่วมกัน

หน้าแรก » การเมือง