วันเสาร์ ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568 21:28 น.

การเมือง

“ประเสริฐ” มอบนโยบาย 5 ขับเคลื่อนเครือข่ายลุ่มน้ำ ยกระดับการดำเนินงานสู่ระดับชาติ สร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างยั่งยืน 

วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 18.26 น.

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568  นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อส่งเสริมพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานของคณะกรรมการลุ่มน้ำ โดยมี นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) , นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการ สทนช. , นายไวฑิต โอชวิช ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์น้ำ รักษาราชการแทนรองเลขาธิการ สทนช. พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการลุ่มน้ำจากภาคส่วนต่างๆ ทั้ง 22 ลุ่มน้ำ เข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ พร้อมถ่ายทอดสัญญาณไปยังส่วนภูมิภาคในอีก 3 พื้นที่  ได้แก่ พื้นที่ลุ่มน้ำภาคเหนือ , พื้นที่ลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่ลุ่มน้ำภาคใต้ 
 
โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า คณะกรรมการลุ่มน้ำเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระดับลุ่มน้ำ โดยเชื่อมโยงการดำเนินงานกับคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในภาพรวมของประเทศให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 นโยบายของรัฐบาล และยุทธศาสตร์ชาติ ด้วยในปีนี้ได้มีการคัดเลือกและแต่งตั้งผู้แทนภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามาเป็นกรรมการลุ่มน้ำชุดใหม่ทดแทนตำแหน่งที่หมดวาระลง
 
“การจัดสัมมนาในวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่กรรมการลุ่มน้ำจะได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สะท้อนปัญหาในเชิงพื้นที่สู่การกำหนดทิศทางการดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้เกิดความยั่งยืนและสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างเป็นรูปธรรม จากระดับพื้นที่ ระดับลุ่มน้ำ สู่นโยบายระดับประเทศ” ประธาน กนช. กล่าวย้ำพร้อมมอบนโยบายให้คณะกรรมการลุ่มน้ำนำไปดำเนินการ ดังนี้ 1.ขับเคลื่อนภารกิจงานลุ่มน้ำด้วยข้อมูลและบริบทจริงของพื้นที่ ให้วิเคราะห์สถานการณ์น้ำที่ใช้ข้อมูลจากพื้นที่จริง เพื่อกำหนดเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่ตอบโจทย์พื้นที่อย่างแท้จริง , 2.ยกระดับข้อเสนอจากลุ่มน้ำสู่แผนระดับประเทศ ที่จะเสนอผ่าน กนช. ซึ่งเป็นกลไกหลักในการกำหนดทิศทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ โดยรวบรวมข้อเสนอที่สำคัญ นำเสนออย่างเป็นระบบ มีเอกสารประกอบและเหตุผลเชิงประจักษ์ , 3.เน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง ทั้งระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชนและภาคเอกชน ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อเสนอแนะ และกำหนดแผนงานให้โปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำระดับลุ่มน้ำได้อย่างยั่งยืน
 
“4.ผลักดันแนวทางการจัดการภัยพิบัติด้านน้ำเชิงรุก ให้เป็นไปตามแผนป้องกันแก้ไขภาวะน้ำท่วมและแผนป้องกันแก้ไขภาวะน้ำแล้ง เพื่อเป็นการป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที พร้อมทบทวนแผนให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศด้วย โดยเฉพาะในปีนี้ที่มีแนวโน้มของปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติขอให้คณะกรรมการลุ่มน้ำดำเนินการร่วมกับ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันภัยด้านน้ำให้มีประสิทธิภาพ ช่วยบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดกับประชาชน และ 5.เสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายลุ่มน้ำ โดยการสร้างความเข้มแข็ง ส่งเสริมและรณรงค์การสร้างจิตสำนึกให้แก่ประชาชนและองค์กรผู้ใช้น้ำ ได้มีความตระหนักรู้และเข้าใจเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ทั้งการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำอย่างต่อเนื่อง” นายประเสริฐ กล่าว
 
สำหรับการการจัดงานสัมมนาครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานของคณะกรรมการลุ่มน้ำทั้ง 22 ลุ่มน้ำ รวมถึงสร้างความเข้าใจบทบาทตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการลุ่มน้ำที่กำหนดไว้ตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและรับมือกับความท้าทายด้านทรัพยากรน้ำที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลสูงสุด โดยความร่วมมือร่วมใจของกรรมการลุ่มน้ำและทุกภาคส่วนจะทำให้เกิดความมั่นคงด้านน้ำ มีการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศในทุกมิติ ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนทุกพื้นที่ได้อย่างแท้จริง
 

หน้าแรก » การเมือง