วันเสาร์ ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568 22:27 น.

การเมือง

"ภูมิธรรม" หารือทูตฮังการีฯ เปิดฉากความร่วมมือ GRIPEN ถึง NATO เชื่อมสัมพันธ์ความมั่นคงระยะยาว

วันศุกร์ ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 10.05 น.

 รองนายกฯ "ภูมิธรรม" หารือทูตฮังการีฯ ย้ำความร่วมมือด้านการทหารและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เปิดฉาก GRIPEN ถึง NATO   พร้อมขับเคลื่อนร่าง MoU ร่วม กระชับสัมพันธ์สองชาติแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2568) เวลา 11.00 น. ณ ห้องสุรศักดิ์มนตรี กระทรวงกลาโหม นายชานโดร์ ชีโปช (H.E. Mr. Sándor Sipos) เอกอัครราชทูตฮังการีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องในโอกาสพ้นหน้าที่ โดยหารือถึงแนวทางส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ดังนี้

รองนายกรัฐมนตรีฯ ขอบคุณและชื่นชมเอกอัครราชทูตฮังการี ที่มีบทบาทสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฮังการีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกมิติ ตลอดช่วงเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้ง ย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการสานต่อความร่วมมือกับเอกอัครราชทูตฮังการีฯ คนใหม่อย่างใกล้ชิด เพื่อสานต่อความร่วมมือระหว่างกัน และยกระดับความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

เอกอัครราชทูตฮังการีฯ แสดงความพึงพอใจต่อพัฒนาการความสัมพันธ์ไทย–ฮังการี ที่แน่นแฟ้นและมีพลวัตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้ง ยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลฮังการีในการส่งเสริมความร่วมมือกับไทยในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการทหารและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อีกทั้ง ให้ความสำคัญกับการผลักดันร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางทหารให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว และสนับสนุนการขยายความร่วมมือกับไทยในทุกมิติ

ในการหารือ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาความร่วมมือด้านต่าง ๆ ดังนี้

ด้านความร่วมมือทางทหาร ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงโอกาสในการขยายความร่วมมือในหลายมิติ โดยรองนายกรัฐมนตรีฯ เน้นย้ำเจตนารมณ์ของกองทัพไทยในการเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ในประเด็นที่มีความสนใจร่วมกัน เช่น การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี โดยกระทรวงกลาโหมไทย พร้อมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือร่วมกับกระทรวงกลาโหมฮังการีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ แสดงความชื่นชมต่อฮังการีในฐานะประเทศผู้ใช้เครื่องบิน GRIPEN เช่นเดียวกับไทย และเชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการส่งกำลัง ซ่อมบำรุง รวมถึงเสริมสร้างทักษะการบินร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รองนายกรัฐมนตรีฯ ยกย่องความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของฮังการี โดยเฉพาะการผลิตที่ได้มาตรฐาน NATO และหวังว่าไทยจะได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับฮังการีในอนาคต ขณะเดียวกัน เอกอัครราชทูตฮังการีฯ เห็นพ้องและสนับสนุนการส่งเสริมความร่วมมือในด้านนี้ โดยภาคเอกชนของฮังการีพร้อมเข้าร่วมงาน Defense & Security 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10–13 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระหว่างสองประเทศ

ด้านการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางทหาร ทั้งสองฝ่ายยินดีต่อความคืบหน้าของร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงกลาโหมไทยและกระทรวงกลาโหมฮังการี ว่าด้วยความร่วมมือทางทหาร (MoU between the Ministry of Defence of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Defence of Hungary concerning Cooperation in the Military Field) ซึ่งจะเป็นกรอบสำคัญในการกำหนดทิศทางความร่วมมือทางทหารในอนาคตให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคาดว่าจะพิจารณาให้แล้วเสร็จในเวลาอันใกล้

ในช่วงท้าย รองนายกรัฐมนตรีฯ ขอบคุณเอกอัครราชทูตฮังการีฯ อีกครั้ง สำหรับบทบาทที่สำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย–ฮังการี ให้แน่นแฟ้นมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศจะเดินหน้าต่อไปอย่างราบรื่นและเข้มแข็ง ภายใต้การสานต่อของเอกอัครราชทูตฮังการีฯ คนใหม่ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในทุกมิติต่อไป
 

หน้าแรก » การเมือง