“ดร.นิยม เวชกามา” หรือ “ดร.มหานิยม” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกโรงโต้กรณีคณะกรรมาธิการการทหาร วุฒิสภา เตรียมยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญถอดถอน “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ชี้คลิปเสียงไม่ชี้ชัดว่ากระทำผิด พร้อมเตือนอย่าใช้ความรู้สึกส่วนตัวเป็นเครื่องมือบั่นทอนประเทศ

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ดร.นิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ซึ่งมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา เป็นประธาน เตรียมยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตรวจสอบและถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฐานละเมิดจริยธรรมร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) จากกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา

โดยในคลิปเสียงดังกล่าว มีการกล่าวอ้างว่า นายกรัฐมนตรีใช้ถ้อยคำที่อาจเข้าข่ายแบ่งแยกฝ่ายทหาร และให้คำมั่นจะดำเนินการในบางประเด็นตามคำขอของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งถูกมองว่าอาจกระทบต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ของประเทศ

ดร.มหานิยม ระบุว่า จากการฟังคลิปดังกล่าว ไม่เห็นว่านายกรัฐมนตรีจะกระทำการใดที่เข้าข่ายละเมิดจริยธรรมหรือขาดความสุจริต “ถ้อยคำของนายกรัฐมนตรีกลับสะท้อนถึงความพยายามประนีประนอม เคารพผู้อาวุโส และดำเนินการตามขั้นตอน ไม่ใช่การรับปากหรือยอมเสียผลประโยชน์ของชาติ” เขากล่าว

ดร.มหานิยม ย้ำว่า แม้จะมีการกล่าวถึงการ “จะจัดการให้” แต่ในทางปฏิบัติ การดำเนินการใด ๆ ยังต้องผ่านความเห็นชอบจากหน่วยงานความมั่นคงและการต่างประเทศ ไม่มีอำนาจใดที่สามารถสั่งได้โดยลำพัง “ใครจะคิดว่านายกฯจะยอมตามคำสั่งของสมเด็จฮุน เซน โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของไทย ก็คิดตื้นเกินไป”

“โทรศัพท์ 17 นาที มีคำไหนที่ขายชาติ?” ดร.มหานิยมตั้งคำถาม พร้อมยกตัวอย่างว่า ผู้นำสหรัฐฯ ยังเคยโทรศัพท์พูดคุยกับผู้นำเกาหลีเหนือ แล้วไม่ได้ถูกกล่าวหาว่าขายชาติ เขาย้ำว่า “ข่าวลือที่บิดเบือน มีแต่จะสร้างความแตกแยกในบ้านเรา”

สุดท้าย ดร.มหานิยมฝากถึงฝ่ายที่พยายามขุดคุ้ยเพื่อโจมตีว่า ควรมีสติและเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศมากกว่าความรู้สึกส่วนตัว “ใครก็รักชาติ แต่การรักชาติที่แท้จริงคือการปกป้องเสถียรภาพ ไม่ใช่ซ้ำเติมบ้านเมืองด้วยข่าวลวง”