เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568  นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์แรงงานไทยในอิสราเอลจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์ช่วยเหลือประสานงาน ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในรัฐอิสราเอล ครั้งที่ 3/2568 ณ ห้องประชุมประสงค์ รณะนันทน์ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงานว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน กระทรวงแรงงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตามข้อสั่งการของท่านแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ การดูแลให้แรงงานไทยที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยครบทุกคน 100 % 

กระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ ได้ผนึกกำลังร่วมกันเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หากพบเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาและรุนแรงขึ้น เราพร้อมที่จะดำเนินการนำคนไทยกลับประเทศโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานจากอัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล และอัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่า แรงงานไทยทั้งหมด 39,500 คนในอิสราเอล  และแรงงานไทยในอิหร่านที่อยู่ในระบบ 109 ราย ขณะนี้ไม่มีผู้ใดประสงค์จะกลับแม้แต่คนเดียว ที่สำคัญไม่มีแรงงานไทย หรือคนไทยประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแม้แต่คนเดียวเช่นกัน ส่วนของวันนี้ (23 มิ.ย.68) มีแรงงานไทยจากบริษัท Chemo Aharon เดินทางกลับมา จำนวน 22 คน นั้น เป็นการเดินทางกลับมาเนื่องจากแรงงานเหล่านี้สิ้นสุดสัญญาจ้างงาน ไม่ใช่การเดินทางในรูปแบบฉุกเฉินจากสถานการณ์ความไม่สงบ ซึ่งนายจ้างได้จัดหาตั๋วเครื่องบินไว้ให้แล้วเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา และทางผู้บริหารของกระทรวงแรงงานพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางานสุวรรณภูมิจะเข้าไปรับพร้อมให้กำลังใจ

"หากเกิดเหตุฉุกเฉิน กระทรวงแรงงาน ร่วมประชุมหารือกับกระทรวงการต่างประเทศในการเตรียมการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทย ตามแผนอพยพของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ หากสถานการณ์ที่จะต้องนำมาใช้ สามารถดำเนินการได้ทันที ขอให้ญาติพี่น้องแรงงานไทยทุกคนอย่าได้กังวล กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานแรงงานไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล และสำนักงานแรงงานไทย ณ กรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะเป็นตัวแทนของกระทรวงแรงงาน ในการประสานดูแลอำนวยความสะดวกแรงงานไทยอย่างใกล้ชิด" นายบุญสงค์ กล่าว

" ขอให้แรงงานไทยในอิสราเอลและอิหร่านติดตั้งแอปพลิเคชั่น “SMART TOEA” บนโทรศัพท์มือถือทั้งระบบ Android และ iOS พร้อมกด “อนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่ง (Location)” เพื่อให้สามารถติดตามพิกัดของแรงงานได้แบบเรียลไทม์ (Real-time) ซึ่งจะช่วยให้สามารถให้การดูแลหรืออพยพได้ทันท่วงที่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน 

ทั้งนี้ หากญาติแรงงานไทยในสองประเทศดังกล่าวมีข้อสงสัยหรือประสงค์แนะนำผู้ใช้ให้ติดตั้งแอป สามารถโทรสอบถามได้ที่ 02-2321240 (เวลาราชการ) 080-0739885 (ตลอด 24 ชั่วโมง) หรือ สายด่วน กระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 " นายบุญสงค์ กล่าว