ที่ประชุมความมั่นคงแห่งชาติไฟเขียวเดินหน้าจัดการสแกมเมอร์-คุมเข้มชายแดน ย้ำไทยรักษาอธิปไตยตามหลักสากล ไม่ต้องการความรุนแรง ยังคงมาตรการ Seal Stop Safe จนกว่าสถานการณ์คลี่คลายเต็มที่

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายย 2568  นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า ที่ประชุมได้ทบทวนมาตรการดูแลสถานการณ์ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีมติให้คงมาตรการปัจจุบันต่อไป

“เรายืนยันว่าจะแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี และหลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายเดือดร้อน พร้อมสนับสนุนการเจรจา ส่วนเรื่องการปิดด่านยังคงอยู่ในระดับจำกัดเวลาและปริมาณการเข้าออก ไม่ใช่ปิดทั้งหมด” นายภูมิธรรมกล่าว

ส่วนกรณีที่กัมพูชาแถลงแสดงความไม่พอใจ นายภูมิธรรมย้ำว่า เป็นเรื่องของเขา แต่ไทยยืนยันความจริงใจในการแก้ปัญหา

สำหรับมาตรการ Seal Stop Safe ที่บังคับใช้ต่อเนื่องมา 4 เดือน เช่น การตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า ตัดอินเตอร์เน็ตในบางพื้นที่ชายแดน ขณะนี้ได้สั่งการให้ประเมินความเหมาะสมต่อไป เนื่องจากบางจุดสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย แต่บางจุดยังมีปัญหา จึงมอบให้คณะเล็กของ สมช. ไปพิจารณาแนวทางจัดการ

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ในส่วนของเหตุความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ รวมถึงนอกเขต 3 จังหวัดชายแดนใต้ ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงและตำรวจยังประเมินว่าสถานการณ์อยู่ในขั้นเฝ้าระวังและอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

สำหรับข้อเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่ให้ยกเลิกกิจกรรมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ครบรอบ 75 ปี นายภูมิธรรมระบุว่า ยังไม่มีการพิจารณาในที่ประชุม สมช. โดยรัฐบาลยังต้องการรักษามาตรการที่แสดงถึงความจริงใจ พยายามแสวงหาความร่วมมือ และนำสถานการณ์กลับไปสู่ระดับความสัมพันธ์เช่นเดิมในปี 2567

“หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงจนต้องปรับมาตรการ เราพร้อมทั้งหมด แต่ย้ำว่าความรุนแรงจะเป็นทางเลือกสุดท้าย เราไม่อยากให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายต้องสูญเสีย” นายภูมิธรรมกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่ระบุว่าสถานการณ์ความตึงเครียดจะคลี่คลายก่อนเกษียณอายุราชการ นายภูมิธรรมกล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์น่าจะดีขึ้น จึงต้องใช้มาตรการอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ความขัดแย้งลุกลาม ยืนยันไทยจะรักษาเอกราช อธิปไตย และผลประโยชน์ของประเทศ ภายใต้หลักสากลให้ประเทศต่าง ๆ รับทราบ

สำหรับปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ที่มีฐานปฏิบัติการในกัมพูชา นายภูมิธรรมย้ำว่า ไทยได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการป้องกันเครือข่ายหลอกลวงในประเทศ

ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ และผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว นายภูมิธรรมยอมรับว่า มีผลกระทบบ้างเนื่องจากการนำเสนอข่าว แต่ยืนยันว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ยังอยู่ในขั้นตอนติดตามตรวจสอบ และขอรอความชัดเจนก่อน เพราะการพูดในช่วงนี้อาจสร้างความกังวลโดยไม่จำเป็น