เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2568 นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การชุมนุมขับไล่รัฐบาลเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2568 เป็นสิทธิของประชาชนในการแสดงออกทางการเมือง การแสดงออกว่ารักชาติเป็นเรื่องดี แต่ต้องมีเหตุผล แยกแยะ การไม่ชอบผู้นำแล้วไปใช้วิธีสร้างข้อมูลให้ประชาชนเข้าใจผิด มุ่งหวังล้มรัฐบาลนั้น ไม่เป็นผลดีกับประเทศ โดยเฉพาะการเรียกร้องรัฐประหาร "ต้องฝากผู้ชุมนุมทบทวนว่า รักชาติถูกทางหรือไม่ อย่ารักชาติทางที่ผิด จะเลยไปถึงการทำลายด้วย มีไม่กี่ประเทศใช้วิธีเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยรัฐประหาร ประเทศเหล่านั้นล้าหลังทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม หากผู้ชุมนุมไม่ชอบรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงโดยวิธีในสภาฯ ยังใช้ได้อยู่ ระบบประชาธิปไตยยังไม่ถึงทางตันต้องเรียกร้องรัฐประหาร" นายสุทิน กล่าวและว่า

ข้อเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกหรือยุบสภา ต้องฟังคนทั้งประเทศ จะฟังแค่คนกลุ่มหนึ่งไม่ได้ที่การเรียกร้องให้ลาออกเป็นประโยชน์แค่กับเขา แต่เสียประโยชน์กับประชาชนส่วนใหญ่ นายกฯ ต้องยับยั้งชั่งใจ เพราะต้องรับผิดชอบต่อประชาชนที่เลือกมา ถ้าไปชิงลาออกง่ายๆ ก็เหมือนไม่รับผิดชอบต่อประชาชน ส่วนการชุมนุมวันที่ 28 มิ.ย. ที่มีประชาชนออกมาจำนวนมากนั้น ต้องดูอีก 1-2 ครั้ง จึงวิเคราะห์ได้ ต้องดูว่ามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ปราศจากการชักนำ ว่าจ้างหรือไม่ หากมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็น่ากังวลว่าจะบานปลาย แต่ถ้ามาด้วยเหตุจูงใจคงไม่บานปลาย อยู่ไม่นาน

ด้านนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การปราศรัยของแกนนำหลายคนในการชุมนุมไล่รัฐบาล เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2568 ชี้นำสังคม เปิดทางให้ใช้อำนาจนอกระบบ กำลังทหาร ล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง สังคมไทย อย่าตกเป็นเครื่องมือสนองความต้องการทางการเมืองของคนบางกลุ่ม อดห่วงไม่ได้ว่าสถานการณ์คราวนี้จะชี้นำคนบางกลุ่มให้วนลูปถอยหลัง ไปใช้ความคิดความเชื่อเดิมๆ การชุมนุมเรียกร้องต่อรัฐบาลทำได้ แต่ต้องระวังการสร้างสถานการณ์เพื่อใช้เรียกอำนาจอื่นมาแทรกแซง สภาผู้แทนราษฎรกำลังจะยืนยันการแก้ไข พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ เพื่อเป็นบันไดไปสู่การมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น หากไปหลงการปั่นกระแสใช้อำนาจนอกระบบล้มรัฐบาล การขับเคลื่อนทางสังคมที่ผ่านมาทั้งหมดคงสูญเปล่า