"ภูมิธรรม" ชี้คดีที่ดินเขากระโดงต้องเดินตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัว ย้ำหากพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ทำผิดก็ไม่ต้องกลัว พร้อมประกาศนโยบายตรวจสอบคอร์รัปชันเข้มทุกพรรค 

ที่กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่ขณะเดียวกันในคดีของพรรคภูมิใจไทย ในกรณีฮั้ว สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลับไม่โดนอะไรเลยนั้น ว่า แล้วแต่มุมมอง หากดูตามกระบวนกฏหมาย ก็องค์กรที่ดูแลในแต่ละเรื่องอยู่แล้ว ศาลก็ชี้แจงไว้ว่า เมื่อมีวิธีการดำเนินการตรวจสอบอยู่แล้ว แต่ท่านไม่รับก็ให้กระบวนการเหล่านั้นทำหน้าที่ต่อไป

เมื่อถามว่า ทิศทางของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) หลังจากนี้ จะเป็นอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวเพียงว่า “ก็เป็นเรื่องที่ กคพ.ต้องทำหน้าที่ต่อไป”

เมื่อถามว่าการที่นายภูมิธรรม ไปนั่งในตำแหน่งรมว.มหาดไทย จะเป็นการเอาคืนพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ในประเด็นเรื่องเขากระโดง นายภูมิธรรม กล่าวว่า อันนี้เป็นการวิจารณ์แบบง่ายๆ แต่คนที่มาหน้าที่บริหารประเทศ เขามีหน้าที่รักษาความยุติธรรมตามระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ขณะนี้ไม่ว่าทุกคนจะอยู่กับกระทรวงไหน หากไม่มีใครที่กระทำผิด ก็ไม่มีใครไปทำอะไรได้ และเชื่อว่า ในกระบวนการนี้น่าจะไม่มีปัญหา

อีกทั้ง ตนเข้าไปตนก็มีนโยบายที่เตรียมไว้อยู่แล้ว อะไรที่ยังเคยหย่อนยาน และไม่ปฏิบัติให้มันเข้มแข็ง ก็ต้องคุยกัน และพร้อมที่จะทำ ใครพร้อมก็เดินหน้า ส่วนใครที่ไม่พร้อมก็ต้องมาดูบทบาทว่าควรจะไปอยู่ที่ส่วนไหน ส่วนปัญหาเขากระโดงก็ต้องไปว่ากันตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเคร่งครัด

เมื่อถามว่า การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเข้ามาดูแลกระทรวงต่อจากพรรคภูมิใจไทยทั้งหมด จะทำให้เกิดปัญหากันต่อไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติ ไม่ใช่เรื่องความแค้นส่วนตัว ฉะนั้นกระบวนการการตรวจสอบก็เป็นภารกิจหนึ่งที่ตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว ไม่ใช่ของพรรคภูมิใจไทยอย่างเดียว ของพรรคเพื่อไทยก็ต้องตรวจสอบด้วยเช่นกัน เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลในการตรวจสอบคอรัปชั่น และเป็นเรื่องที่เราจะทำโดยไม่เว้นหน้าใคร ซึ่งจะต้องดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

เมื่อถามย้ำว่า หากไม่ได้ทำอะไรผิดจะต้องไม่กลัวใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม หัวเราะพร้อมเผยว่า ไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกลัว ว่าไปตามกฎหมาย เพราะเราก็ไม่สามารถไปทำอะไรที่ละเว้นหรือเกินจากที่กฎหมายกำหนดอยู่แล้ว และอะไรที่เป็นเรื่องที่ไม่สบายใจก็ต้องพิสูจน์ทราบกันไป เพื่อคลายความกังวลของพี่น้องประชาชน