วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 18.00 น.นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานในพิธีแถลงข่าวการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ประจําปี 2568 ภายใต้ชื่องาน “แห่เทียนโคราช ศาสตร์ศิลป์ถิ่นย่าโม” ในวันที่ 9-10 กรกฎาคม 2568 โดยมี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อํานวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สํานักงานครราชสีมา รองศาสตราจารย์ ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นายชัชวาล วงศ์จร รองนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา พร้อมคณะผู้บริหารสท.ร่วมแถลงข่าว 

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กล่าวว่า งานแห่เทียนในปีนี้ นับเป็นการประเดิมภารกิจสำคัญของเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งได้จัดงานอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคมห้างร้าน นักธุรกิจ พ่อค้า ตลอดจนพี่น้องประชาชนชาวโคราชอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้ชื่อ “แห่เทียนโคราช ศาสตร์ศิลป์ถิ่นย่าโม” ปีนี้งานเน้นยก “ของดีเมืองโคราช” มาเป็นจุดขายหรือ Soft Power โดยขบวนแห่แบ่งเป็นหลายธีม เช่น ขบวนแห่โคราชซอฟต์พาวเวอร์ ทั้งการแหล่เพลงโคราช ขบวนแมวสีสวาด “ศรีสวาดออนซอน” ขบวนวิถีไทย 3 ล้อถีบ ขบวน 3 มรดกโลกแห่งเมืองโคราช ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, พื้นที่สงวนชีวมณฑล และอุทยานธรณีโลกขบวนช้างดึกดำบรรพ์ กอมโฟธีเรียม ช้างสี่งาน ขบวนความหลากหลายทางชีวภาพสัตว์-พืช ขบวน “500 ปี เมืองโคราช”  และการแสดงลิเก ชุดแสงธรรมแห่งพระพุทธองค์ การรำถวายหลวงพ่อคูณ การแสดงโขน “ศึกพรหมาศ” การแสดงลูกทุ่งโคราช และการเต้นรำซิ่ง

โดยปีนี้ถือเป็นปีพิเศษ เนื่องในโอกาส สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา ซึ่งได้พระราชทานถ้วยรางวัลให้กับเทศบาลนครนครราชสีมา เพื่อมอบให้ขบวนที่ชนะเลิศทั้งถ้วย ก. และถ้วย ข. เช่นทุกปีที่ผ่านมา 

นายสุวัจน์ กล่าวว่าการดึงดูดนักท่องเที่ยววันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องแบรนด์เนม แต่เป็นการอวด “ตัวตนของแต่ละจังหวัด” ซึ่งไทยมีศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร เครื่องแต่งกาย มวยไทย ที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค โดยเฉพาะอีสานที่มีนักท่องเที่ยวเพียง 5% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด จึงอยากให้มีการจัดงานลักษณะนี้มากขึ้น เพื่อให้คนไทยและต่างชาติได้มาเห็นของดีในแต่ละจังหวัด เพื่อสืบประเพณีและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

”อยากให้พี่น้องประชาชนชาวโคราชได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ กับเทศบาลฯ ในการจัดงานที่เป็นหน้าเป็นตาของจังหวัด ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และอนุรักษ์วัฒนธรรม ให้คนรุ่นหลังได้ภาคภูมิใจ“ นายสุวัจน์ กล่าว