เมื่อวันที่ 16 ก.ค.เวลา 13.00 น.นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ พรรคกล้าธรรม(กธ.) กล่าวถึงปัญหาราคาผลผลิตลำไยตกต่ำอย่างหนักในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ อันเกิดจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากกว่าทุกปี ขณะที่การส่งออกมีอุปสรรค ทำให้ราคาลำไยลดต่ำอย่างน่าเป็นห่วง โดยข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่คาดการณ์ว่าในปี 2568 จะมีผลผลิตลำไยรวม 1,064,242 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 947,140 ตัน หรือมากขึ้นถึง 117,102 ตัน โดยผลผลิตส่วนใหญ่ออกในช่วงกรกฎาคม–สิงหาคม ส่งผลให้ราคาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ตกต่ำอย่างหนัก ล่าสุดราคาเกรด AA เหลือเพียงกิโลกรัมละ 17 บาท, เกรด A เหลือ 8 บาท, เกรด B เหลือ 4 บาท และเกรด C เพียง 1 บาทเท่านั้น

นายนเรศ กล่าวต่อว่า ราคาที่ตกต่ำขนาดนี้สร้างความเดือดร้อนให้เกษตรกรเป็นวงกว้าง ผมขอหารือไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้รีบดำเนินมาตรการช่วยเหลือโดยด่วน โดยขอให้สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนจากกองทุนต่าง ๆ ให้แก่วิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการแปรรูป เพื่อดึงลำไยสดออกจากตลาดมาทำการแปรรูป เป็นการชะลอการจำหน่ายผลผลิตไปสู่ช่วงปลายปี นอกจากนี้ยังเสนอให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งดำเนินการตรวจรับรองมาตรฐาน GIP (Good Import Practice) เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออก และให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน เร่งดำเนินโครงการกระจายผลผลิตพร้อมจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในโครงการดังกล่าว

นายนเรศ ยังกล่าวถึง ปัญหาสำคัญที่เกษตรกรต้องเผชิญคือ การขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากแรงงานที่ใช้ในการเก็บเกี่ยวและคัดแยกลำไย ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งขณะนี้ประสบปัญหาข้อจำกัดในการนำเข้าแรงงาน จึงต้องขอให้มีการประสานไปยังกระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่ออำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนการอนุญาตแรงงานต่างด้าว เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร