วันจันทร์ ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568 13:15 น.

การเมือง

ทบ.เข้ม! สั่งใช้ระบบต่อต้านโดรนทั่วประเทศ หลังพบสอดแนมที่ตั้งทหาร

วันเสาร์ ที่ 02 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 09.22 น.

กองทัพบกยกระดับมาตรการความมั่นคง ใช้ทั้ง Soft Kill และ Hard Kill รับมือโดรนสอดแนม พร้อมตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม  2568  พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)ได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 29 ก.ค. พ.ศ. 2568 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน หรือ โดรนที่ควบคุมการบินจากภายนอก, ทุกวัตถุประสงค์การใช้งาน, และทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในปัจจุบัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจในการใช้ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) รวมถึงสามารถดำเนินการทำลายโดรนจากภาคพื้นดินได้ทันที

พ.อ.ริชฌา กล่าวต่อว่า ในการนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ถึงภาคที่ 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ถึง 4 ดำเนินมาตรการตามแนวทางดังต่อไปนี้ 1.ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด โดยมีรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) เป็นผู้รับผิดชอบในการหารือและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการ หน่วยงาน และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคเป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมและวางแผนภาพรวมในการป้องกันและต่อต้านการใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย

พ.อ.ริชฌา กล่าวอีกว่า 2.ให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วยกำลังจากฝ่ายพลเรือน ตลอดจนตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร และสารวัตรทหาร เพื่อดำเนินการสกัดกั้นและติดตามจับกุมผู้บังคับหรือใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย สำหรับแนวทางการใช้อาวุธในการต่อต้านอากาศยานไร้นักบิน แบ่งเป็นกรณี ดังนี้ 1.กรณีมีการใช้อาวุธก่อน หรือพบพฤติการณ์เป็นภัยคุกคามร้ายแรง ที่อาจกระทบต่อชีวิตของกำลังพลและประชาชน รวมถึงอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ ให้หน่วยที่วางกำลังตามแนวชายแดนสามารถใช้อาวุธประจำกายหรืออาวุธประจำหน่วยเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามได้ทันที

พ.อ.ริชฌา กล่าวอีกว่า 2.กรณีตรวจพบในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และภาคที่ 2 พื้นที่แนวหน้า: สามารถใช้ทั้งมาตรการ Soft Kill และ Hard Kill ได้ ส่วนพื้นที่ส่วนหลัง: ให้ใช้ Soft Kill เป็นลำดับแรก หากไม่สามารถดำเนินการได้ จึงให้ใช้ Hard Kill โดยต้องใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูง และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินของประชาชน 3.กรณีตรวจพบในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 และภาคที่ 4 ให้เน้นการใช้มาตรการ Soft Kill ก่อนเป็นลำดับแรก หากสถานการณ์จำเป็น ให้ใช้มาตรการ Hard Kill ตามความเหมาะสม รวมถึงการใช้อาวุธให้ถือเป็นความรับผิดชอบหลักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยหน่วยทหารสามารถใช้อาวุธได้เฉพาะในขอบเขตที่ตั้งและพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย โดยใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูง และต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์

พ.อ.ริชฌา กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นหรือทราบเบาะแสเกี่ยวกับการบังคับหรือปล่อยอากาศยานไร้นักบิน ที่อาจฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วนความมั่นคง 1374 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้กองทัพบก ยังจัดทำกราฟฟิค ข้อความอธิบาย 3 ภาษา ไทย จีน อังกฤษโดยระบุว่า ห้ามบินโดรนทุกกรณี”ภัยเงียบจากฟ้า… อาจเท่ากับภัยต่อแผ่นดิน” การใช้โดรนในลักษณะสอดแนมหรือจารกรรมข้อมูลลับเช่น บินเหนือพื้นที่ทหาร พรมแดน หน่วยงานราชการการบันทึกภาพ เสียง สัญญาณเพื่อส่งให้ต่างชาติและดัดแปลงติดอุปกรณ์พิเศษ เช่น กล้องอินฟราเรด เครื่องดักฟังเข้าข่าย ความผิดฐานจารกรรม / สายลับกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร บทลงโทษตามกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 122(3),พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร,พระราชบัญญัติการเดินอากาศ โทษหนักจำคุกตลอดชีวิตหรือถึงขั้น”ประหารชีวิต”หากมีเจตนาและพฤติการณ์ร้ายแรง พร้อมระบุตอนท้ายว่า อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก! การบินมีผลต่อความมั่นคงหน่วยความมั่นคงติดตามจับตาอย่างใกล้ชิดความมั่นคงของชาติ… ไม่ใช่ของเล่นหากพบเห็นพฤติกรรมน่าสงสัย แจ้ง 1374 สายด่วนความมั่นคง

หน้าแรก » การเมือง