เกิดการขยับใหญ่ในสภา เมื่อสองพรรคหลัก "เพื่อไทย-ประชาชน" เดินตามธรรมเนียมผลัดเก้าอี้ เปิดโอกาสให้ ส.ส.รุ่นใหม่เรียนรู้งานกรรมาธิการ หวังสร้างทีมการเมืองที่แข็งแกร่ง

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน ต่างพากันลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมาธิการ (กมธ.) รวม 9 คณะ เพื่อเปิดทางให้บุคคลรุ่นใหม่ได้เข้ามารับตำแหน่ง ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่กำหนดให้ประธานแต่ละกมธ.ดำรงตำแหน่งเพียง 2 ปี เพื่อสร้างโอกาสให้ ส.ส.ได้เรียนรู้งานหลายด้าน และป้องกันการยึดติดเก้าอี้

พรรคประชาชน มีการเปลี่ยนตัวประธาน กมธ. 4 คณะ ได้แก่

กมธ.เกษตรและสหกรณ์ – จาก นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด เป็น นายณรงค์เดช อุฬารกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ

กมธ.การทหาร – จาก นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค เป็น นายเอกราช อุดมอำนวย ส.ส.กทม.

กมธ.สวัสดิการสังคม – จาก นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. เป็น น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ

กมธ.พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน – จาก นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็น นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ ส.ส.นครราชสีมา

พรรคเพื่อไทย มีการปรับเปลี่ยนประธาน กมธ. 5 คณะ ได้แก่

กมธ.ป.ป.ช. – เดิม นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต่อมานายฉลาด ขามช่วง ส.ส.ร้อยเอ็ด ขึ้นแทน และล่าสุดเปลี่ยนเป็น นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ส.ส.กาญจนบุรี

กมธ.การเงิน การคลังฯ – จาก นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ ส.ส.น่าน เป็น นายนพพล เหลืองทองนารา ส.ส.พิษณุโลก

กมธ.สาธารณสุข – จาก นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ส.ส.แพร่ เป็น นพ.โอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย ส.ส.ชัยภูมิ

กมธ.การท่องเที่ยว – จาก นายเอกธนัช อินทร์รอด ส.ส.หนองคาย เป็น น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย

กมธ.ป.ป.ง. – จาก นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย เป็น นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

อย่างไรก็ตาม กมธ.บางคณะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากประธานยังไม่ครบวาระ 2 ปี อาทิ กมธ.การต่างประเทศ (น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น) และ กมธ.การสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (นายสยาม หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู) ขณะที่ กมธ.การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม, กมธ.คมนาคม และ กมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร ยังอยู่ระหว่างหารือ อาจมีการสลับตัวบุคคลในอนาคต

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ สะท้อนถึงแนวทางใหม่ของสองพรรคใหญ่ที่ต้องการผลักดัน ส.ส.หน้าใหม่และคนรุ่นใหม่ให้ได้มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในเวทีสภาฯ