วันเสาร์ ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2568 02:18 น.

การเมือง

“วัฒนธรรมสร้างชาติ กับการเป็นพรรคการเมือง” ทิศทางจะไปทางไหน

วันพุธ ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568, 18.57 น.

บทวิเคราะห์ “วัฒนธรรมสร้างชาติ กับการเป็นพรรคการเมือง” ทิศทางจะไปทางไหน

รองศาสตราจารย์ ดร.ณกมล ปุญชเขตต์ทิกุล

ท่ามกลางสมรภูมิการเมืองที่ร้อนระอุและวิกฤตเศรษฐกิจที่รุมเร้า ประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดที่ต้องเผชิญกับทางตันอย่างแท้จริง คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาต้องรับมือกับความท้าทายที่รออยู่ตรงหน้า ขณะที่ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานานได้กัดกร่อนศรัทธาของประชาชนและทำลายรากฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืน ให้ล่าช้าออกไปอย่างมาก
เกือบศตวรรษที่ผ่านมา เราได้เห็นการเมืองแบบเก่าที่เน้นการช่วงชิงอำนาจและแบ่งแยกประชาชนเป็นกลุ่มก้อนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถพาประเทศไปสู่ความมั่งคั่งที่แท้จริงได้ ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซาและสินค้าที่ไร้ศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องหา “ทางออกใหม่” ที่ต่างไปจากเดิม
นโยบายของพรรคการเมืองส่วนใหญ่มักเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการ “แจกเงิน” หรือ “ลดภาษี” ซึ่งแม้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ในระยะสั้น แต่ในทางรัฐศาสตร์การปกครอง ที่เน้นการอยู่ดีกินดี ที่เป็นด้านเศรษฐกิจของประชาชน ก็อาจจะพูดได้ว่าขาดวิสัยทัศน์ระยะยาว ที่จะสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับประเทศ การวิ่งตามกระแสโลกภายนอกและมองข้าม “สินทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ที่เรามีอยู่ นั่นคือ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย ทำให้เราพลาดโอกาสสำคัญในการพลิกฟื้นประเทศอย่างน่าเสียดาย
ในฐานะผู้สังเกตการณ์การเมืองและเศรษฐกิจ ผมมองเห็นโอกาสสำคัญสำหรับประเทศไทยในยามที่วิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองรุมเร้า คำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น หรือการแจกเงินที่แก้ปัญหาเพียงผิวเผิน แต่เป็นการหันกลับมามอง “รากแก้ว หรือฐานราก” ที่เรามีอยู่ นั่นคือ “วัฒนธรรม” ที่ควรจะเป็น “ยุทธศาสตร์เพื่อการสร้างชาติ” ที่ต้องขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน
อยากเห็นพรรคการเมืองที่กล้าคิดนอกกรอบ และนำเสนอแนวทางใหม่ที่ชัดเจนว่าวัฒนธรรมไม่ใช่เรื่องของพิพิธภัณฑ์ หรือประเพณีที่ต้องเก็บรักษาไว้เพียงอย่างเดียว แต่คือ “ขุมทรัพย์ทางเศรษฐกิจ” ที่พร้อมจะสร้างรายได้และสร้างความมั่นคงให้คนไทยทั้งประเทศ
พรรคการเมืองแบบที่ผมอยากเห็น ต้องมีวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นจะเปลี่ยน “วัฒนธรรมให้เป็นเงิน” อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่การพูดถึง Soft Power แบบผิวเผิน แต่ต้องมีนโยบายที่ลงลึกไปถึงระดับรากฐาน ตั้งแต่การสนับสนุนศิลปินพื้นบ้าน ช่างฝีมือท้องถิ่น ไปจนถึงการยกระดับอาหารไทย สมุนไพรไทย และการแสดงของไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก
เรามีตัวอย่างให้เห็นมากมายจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นที่ส่งออกวัฒนธรรมอาหารและการ์ตูน หรือเกาหลีใต้ที่ใช้ K-Pop เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างเศรษฐกิจ พรรคการเมืองแบบใหม่นี้ต้องนำแนวคิดเหล่านี้มาปรับใช้กับประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการสร้างรายได้ที่กระจายสู่คนทุกระดับ ไม่ใช่แค่การโปรโมตเพื่อภาพลักษณ์ แต่เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างความภาคภูมิใจในแบบที่เราทุกคนสามารถยืนอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง
ถึงเวลาแล้วที่การเมืองไทยจะนำเสนอทางเลือกที่สร้างสรรค์และยั่งยืน ที่จะทำให้คนไทยมีกินมีใช้ และภูมิใจในความเป็นไทยได้อย่างแท้จริง
ประเทศไทยต้องการทางออกที่มั่นคงและยั่งยืนมากกว่าแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทางเลือกนั้นอยู่บนฐานความจริงของชีวิตที่ว่า วัฒนธรรมคือหัวใจของการพัฒนาประเทศ นโยบายที่มีเป้าหมายชัดเจนที่จะนำวัฒนธรรมมาเป็นเครื่องมือสร้างเศรษฐกิจ จะครอบคลุม 4 มิติสำคัญที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างความมั่งคั่งและเติมเต็มความสุขให้คนไทยทุกคน
ประการแรก คือการเปลี่ยนมุมมองที่ว่า วัฒนธรรมคือเศรษฐกิจ  หมายความว่า จะต้องเปลี่ยนภาพจำของวัฒนธรรมจากการเป็นเพียง “รายจ่าย” ให้เป็นการ “ลงทุน” ที่ให้ผลตอบแทนมหาศาล ด้วยการนำศิลปะ อาหาร และการแสดงของไทยมาสร้างสรรค์เป็นสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูงในตลาดโลก
ประการที่สอง คือการทำให้ ภูมิปัญญาไทย ขายได้ทั่วโลก นำองค์ความรู้และเทคนิคดั้งเดิมที่สั่งสมมานับพันปีมาปรับใช้และพัฒนาให้ทันสมัย เช่น การออกแบบแฟชั่นจากผ้าไทยที่ผสมผสานความร่วมสมัย หรือการแปรรูปสมุนไพรไทยเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อเปิดประตูให้ผู้ประกอบการไทยก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างมั่นใจ
ประการที่สาม คือ ซอฟต์พาวเวอร์ไทย สร้างรายได้ให้คนไทย เชื่อว่า คนไทยส่วนมาก อยากเห็น Soft Power ไม่ใช่แค่การโปรโมต แต่คือการสร้างปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้ สร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการสร้าง Soft Power คุณภาพสูงตั้งแต่การพัฒนาบุคลากร การสนับสนุนเงินทุน ไปจนถึงการตลาดระดับโลก เพื่อให้คนไทยทุกระดับสามารถสร้างรายได้จากพลังอันมหาศาลนี้ได้โดยตรง
ประการ สุดท้ายคือการ สร้างสุขด้วยวัฒนธรรม การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้วัดจากตัวเลขทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ต้องวัดจากความสุขของประชาชน เราจะใช้พลังของศิลปะและประเพณีในการเชื่อมโยงผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน สร้างความภาคภูมิใจ และทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มบนใบหน้า การฟื้นฟูเทศกาลประเพณีท้องถิ่นไม่เพียงแต่สร้างรายได้ แต่ยังช่วยเสริมสร้างความผูกพันในชุมชนและสังคมโดยรวม
ถึงเวลาคิดใหม่แบบคนไทย  กล้าเปลี่ยน  กล้าทำจริง สร้างชาติ ด้วย “วัฒนธรรม”
ในยามที่สังคมไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อน ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง การเดินตามรอยเดิม ๆ ไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืนอีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกล้าเปลี่ยนและลงมือทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ นั่นคือการใช้ “วัฒนธรรมไทย” เป็นพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่ออนาคตที่ดีกว่า  วัฒนธรรมไม่ใช่เรื่องไกลตัว หรือเป็นเพียงอารยธรรมที่เก่าแก่ แต่เป็น พลังสร้างสรรค์และความคิดที่ไม่เหมือนใคร ที่มีอยู่ในตัวเราทุกคนอย่างแท้จริง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราอาจมองข้ามและใช้มันไม่ถูกวิธี แต่ในความเป็นจริงแล้ว วัฒนธรรมคือ กุญแจสำคัญที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจและสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน
ผมขอชวนให้คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือคนรุ่นเก่า มาร่วมกันพิจารณาอย่างจริงจังว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะสนับสนุนพรรคการเมืองที่กล้าแตกต่าง ที่มองเห็นคุณค่าของการลงทุนในวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการลงทุนในอนาคตที่ดีกว่าของคนไทย พรรคการเมืองแบบที่อยากเห็นนี้ ต้องไม่ได้แค่มาเพื่อขอคะแนนเสียงเป็นรัฐมนตรีในสภา แต่จะต้องมาพร้อมกับความเชื่อมั่นว่า “วัฒนธรรมคือเศรษฐกิจ วัฒนธรรมคือชีวิต”
ทุกคนมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นศิลปินท้องถิ่น นักออกแบบรุ่นใหม่ หรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ทุกคนล้วนมีส่วนในการขับเคลื่อนนโยบายนี้ไปสู่ความสำเร็จ เราจะร่วมกันสร้างชาติใหม่ที่เศรษฐกิจเติบโตจากรากฐานที่มั่นคง และประชาชนมีความสุขอย่างแท้จริง
การสนับสนุนพรรคการเมืองที่เน้นวัฒนธรรม ไม่ใช่แค่การลงคะแนนเสียง แต่คือการร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ ให้โลกได้เห็นว่าพลังแห่งวัฒนธรรมของคนไทยนั้นแข็งแกร่ง มีคุณค่า และยิ่งใหญ่เพียงใด
เลือกตั้งรอบหน้าหลังยุบสภา คำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ว่าเราจะเลือกใคร แต่เราจะกล้าเลือกทางใหม่ที่นำพาประเทศไปสู่ความมั่นคงยั่งยืนด้วย “พลังของคนไทย ที่พร้อมใช้วัฒนธรรมไทย มาสร้างชาติ” หรือไม่  คงต้องตามดูกันต่อไปว่าคนไทยพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแล้วหรือยัง
 

หน้าแรก » การเมือง