เลขาธิการพรรคพลังบูรพา มองการถกร่างรัฐธรรมนูญฉบับพรรคประชาชนเป็นภารกิจสำคัญของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ 43 คน ต้องหารือให้ตกผลึกเพื่อสร้างรัฐธรรมนูญที่เป็นสากล ไม่ตอบสนองเฉพาะกลุ่ม พร้อมเรียกร้องรัฐบาล “อนุทิน” เร่งกวาดล้างสแกรมเมอร์อย่างเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 17  ตุลาคม 2568  นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังบูรพา กล่าวว่า การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เมื่อวันที่15ต.ค. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เห็นชอบให้ใช้ร่างรัฐธรรมนูญจากพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก จากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนคณะกรรมการวิสามัญ พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งคงจะมีการอภิปราย ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภาฯ เพื่อพิจารณาวาระ2-3 ในขั้นตอนต่อไป 

สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชน เท่าที่ติดตามข่าวเกี่ยวกับกรอบเนื้อหาในการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่นั้น เริ่มตั้งแต่โมเดล ให้มีกรรมการ35คนมายกร่างรัฐธรรมนูญ ต่างจากอีก2พรรค ที่เห็นว่า ควรมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญมาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ และในรายละเอียดของพรรคประชาชนเรื่องรูปแบบรัฐ รูปแบบการปกครอง แตกต่างจากร่างของพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย ที่จะไม่แก้ไขหมวด1-2 นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นๆที่น่าติดตามที่เกี่ยวกับอำนาจของประชาชน ในการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย การเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมทางการเมืองจะออกมาในรูปแบบใด ประเด็นการเมือง ระบบการเลือกตั้ง วิธีการได้มาสส. บัญชีรายชื่อ เขตเลือกตั้ง รวมไปถึงอำนาจสว. การพิจารณาอำนาจของกลไกลอำนาจในองค์กรอิสระ จะออกมาเป็นอย่างไร เป็นหน้าที่ของกรรมการวิสามัญฯทั้ง 43คน ถือเป็นการบ้านหนักแต่คงไม่เกินความสามารถ เพราะแต่ละคนล้วนมีความรู้ความสามารถที่จะได้หารือกันให้ตกผลึก ให้รูปแบบโมเดลรัฐธรรมนูญมีความเป็นสากล เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ ประชาชนจริงๆ ไม่ใช่แค่ตอบสนองการเมืองเฉพาะบางกลุ่ม บางพวกเท่านั้น 

นายสุระยังกล่าวถึงประเด็นสแกรมเมอร์ ที่แพร่ระบาดอย่างหนัก เป็นปัญหาสังคม ภัยร้ายทำลายประเทศชาติ ประชาชนคนไทยจำนวนมากต้องสูญเสียทั้งทรัพย์สิน บางคนจบชีวิตลง เพราะโดนหลอกเอาทรัพย์สินไป จนสิ้นเนื้อประดาตัว ถือเป็นภัยร้ายแรงทางออนไลน์ ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เร่งปราบปรามอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้สิ้นซาก หากเกี่ยวพันไปถึงบุคคลใดไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือไม่ใช่นักการเมือง ขอให้ลงโทษอย่างเด็ดขาด ทำให้เป็นบรรทัดฐาน ทำให้ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลนี้เอาจริงเอาจังต่อภัยร้ายที่ทำลายสังคมและประชาชนคนไทย