วันจันทร์ ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2568 02:34 น.

การเมือง

 "สมพงษ์ อมรวิวัฒน์" ยื่นลาออกพรรคเพื่อไทย ปมขัดแย้งภายใน – ถูกลดบทบาท ไม่เห็นหัว  ยันไม่เกี่ยวลูกชาย "จุลพันธ์" 

วันศุกร์ ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 12.42 น.

"สมพงษ์ อมรวิวัฒน์" อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเปิดใจ เหตุจำใจถอยเพราะการบริหารพรรคสะสมปัญหาจนไปต่อไม่ได้ ยันไม่เกี่ยวการเป็นฝ่ายค้าน-ไม่โดนดูด ซัด "ผู้มากบารมี"  ครอบงำจนพรรคเละ เชียงใหม่พังหลังหนุน "พิชัย" นั่งนายกฯ อบจ. 

เมื่อวันที่ 17  ตุลาคม 2568   นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตหัวหน้าพรรคและอดีตผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ โดยมอบหมายให้ทีมงานนำหนังสือลาออกไปยื่นต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในช่วงเช้าวันนี้

การลาออกครั้งนี้ส่งผลให้ นายสมพงษ์ พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อโดยอัตโนมัติ ซึ่งเจ้าตัวระบุว่าเป็นการตัดสินใจภายหลังจากพิจารณาและทบทวนอย่างรอบด้านแล้ว โดยยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระแสตกต่ำของพรรค หรือการที่พรรคเพื่อไทยกลายมาเป็นฝ่ายค้านในปัจจุบัน แต่เกิดจาก “ปัญหาการบริหารภายในพรรค” ที่สะสมมายาวนานจนถึงจุดที่ไม่สามารถทนต่อไปได้

“ผมยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาภายในพรรคที่สะสมมานาน ไม่ได้เกี่ยวกับการเป็นฝ่ายค้าน และไม่ได้ถูกใครดูด เพราะไม่มีพรรคไหนกล้ามาดูดผมหรอก” นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงษ์ระบุว่า สาเหตุหลักของการลาออกมาจากความไม่เป็นเอกภาพในการบริหารจัดการภายในพรรค และการถูก “ลดบทบาท” จนไม่สามารถมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนวทางได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งปี 2566 ที่ “ผู้มากบารมี” บางคนเข้ามาครอบงำการตัดสินใจในทุกมิติ จนพรรคขาดระบบและความเป็นสถาบัน

“ตอนนี้ในพรรคเหมือนมีคนชี้นิ้วสั่งได้ทุกเรื่อง จิ้มผู้สมัครตามใจชอบ ใครคิดเห็นต่างก็ถูกกันออก ไม่เพียงผมที่รู้สึกอึดอัด แต่เชื่อว่าส.ส.อีกหลายคนก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพูด” เขากล่าว

อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวต่อว่า ผลจากความล้มเหลวในการบริหารภายในสะท้อนชัดเจนในภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ที่เคยเป็น “เมืองหลวงของพรรค” มาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย แต่ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด พรรคเพื่อไทยกลับได้เพียง 2 จาก 10 เขตเลือกตั้ง และคะแนนบัญชีรายชื่อยังตามหลังคู่แข่งนับแสนเสียง

นายสมพงษ์ชี้ว่า จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 เมื่อพรรคตัดสินใจสนับสนุนนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ แม้จะชนะเลือกตั้งสองสมัยติด แต่กลับสร้างความแตกแยกภายใน เพราะการบริหารงานไม่ประสานกับทีมส.ส.หรือผู้สมัครของพรรคที่เห็นต่าง

“เชียงใหม่พังเพราะขาดเอกภาพ นายก อบจ.ไม่ทำงานร่วมกับใคร ไม่ประสานกับส.ส.ในพื้นที่ ผลก็เป็นอย่างที่เห็น พรรคแทบเอาตัวไม่รอด” นายสมพงษ์กล่าว

ทั้งนี้ นายสมพงษ์ยืนยันว่า การตัดสินใจลาออกเป็นการ “ถอยอย่างมีศักดิ์ศรี” ไม่ได้หนีช่วงตกต่ำของพรรค และไม่ได้เกี่ยวข้องกับ “นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” ลูกชาย ซึ่งเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ในพรรคเดียวกัน โดยย้ำว่า “ลูกชายโตแล้ว มีแนวทางของตัวเอง”

ส่วนอนาคตทางการเมือง นายสมพงษ์ยังไม่ปิดประตู โดยระบุว่าอาจพิจารณากลับมาลงสมัคร ส.ส.เขต หากประชาชนในพื้นที่ยังให้การสนับสนุน

“ผมยังไม่ตัดสินใจว่าจะวางมือหรือไม่ แต่ถ้ายังมีคนเห็นคุณค่า และอยากให้กลับไปทำงานเพื่อบ้านเมือง ก็พร้อมพิจารณา” เขากล่าวทิ้งท้าย  

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง