วันอาทิตย์ ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 04:31 น.

การเมือง

 "ปลอดประสพ" น้อมรำลึก "สมเด็จพระพันปีหลวง" กับป่าไม้ของไทย

วันเสาร์ ที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 20.44 น.

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตปลัดกระทรวงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กับป่าไม้ของไทย  

วันนี้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับป่าไม้ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสนพระทัยและทุ่มเทมาตลอดพระชนม์ชีพ
     
แต่แรกเมื่อผมเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ ทรงให้เข้าเฝ้า ทรงเริ่มจากทรงตั้งข้อสังเกตว่า ทางยุโรปและอเมริกาเป็นเขตหนาวที่ยอดเขามีหิมะและน้ำแข็ง เมื่อละลายก็จะไหลรินมาเลี้ยงท้องทุ่งเบื้องล่าง แต่ประเทศไทยไม่มีเพราะเป็นเขตร้อน ดังนั้นเราจึงต้องรักษาป่าต้นน้ำ ให้ใบไม้ กิ่งไม้ ต้นไม้และรากไม้ทำหน้าที่เยี่ยงหิมะ ความเข้าใจทางวิชาการดังกล่าวมานี้ก็คือพระราชเสาวนีย์“ พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ“ และนี่ก็คือที่มาของโครงการ”ป่ารักษ์น้ำ“ที่จังหวัดน่าน จนเป็นป่าเขียวขจีอยู่จนทุกวันนี้
      
ทรงมีพระราชปารภอยากให้ “ คนอยู่กับป่า” เพราะประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านมี“ชาวเขา” ซึ่งพวกเขาอยู่กับป่าและอาศัยชีวิตในป่ามาแต่ดึกดำบรรพ์ และในที่สุดก็คือโครงการ“ บ้านเล็กในป่าใหญ่” และ “ โครงการป่าธนาคารอาหาร, Food Bank” ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนนั่นเอง สำหรับชาวเขานั้น พระองค์ท่านถึงกับกล่าวฝากว่า ”พระเจ้าอยู่หัวเห็นชาวเขาเหมือนลูกหลาน ท่านให้มาบอก ฝากคุณปลอดประสพด้วย ” ซึ่งผมก็ได้กราบพระบาทรับใส่เกล้าและปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
     
ทรงสนพระทัยและเอาใจใส่พวกกล้วยไม้ดินและกล้วยไม้ป่ามาก ทรงกังวลว่า ป่าจะไม่ชื้นเหมือนเดิม กล้วยไม้จะเหี่ยวเฉาตายหมด เมื่อเสด็จประทับที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ และแปรพระราชฐานไปประทับที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง หรือเสด็จประทับที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ก็จะทรงเดินป่าทอดพระเนตรดอกไม้พรรณไม้ป่าเหล่านี้เป็นระยะทางไกลๆ และที่ยากลำบากไปกว่านั้นก็คือ ทรงประทับแรมในป่าด้วยเต็นท์เสียเลย โดยดูเหมือนจะมี 2 ครั้ง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ตามเสด็จด้วย ทรงเล่าว่า ทำไมมันหนาวนัก จึงกราบบังคมทูลไปว่า ทรงบรรทมที่ระดับยอดหญ้าจึงหนาวมากกว่าปกติ
     
ทรงเป็นห่วงเรื่องไฟป่ามาก รับสั่งให้ซ้อมการดับไฟถวายพร้อมทั้งพระราชทานเงินส่วนพระองค์ครั้งละ 500,000บาท รวม 3 ครั้ง เพื่อไปตั้งกองทุนช่วยเหลือพนักงานดับไฟป่าที่เรียกกันว่า“เสือไฟ” ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตในการปฎิบัติหน้าที่
     
ทรงเตือนผมเสมอในการปฎิบัติหน้าที่ เพราะเป็นห่วงจะเป็นอันตรายถึงชีวิต จำได้ว่าคืนหนึ่งดึกมากแล้ว พนักงานเจ้าที่ได้มาตามไปเข้าเฝ้า ทรงถามว่า จะไปพม่าหรือและไปทำไม ได้กราบบังคมทูลไปว่า จะไปดูว่าฝั่งพม่าริมแม่น้ำสาละวินมีไม้สักเหลือจริงหรือ เพราะมีการขออนุญาตนำเข้า ทรงมีพระราชเสาวนีย์สั่งอย่างจริงจังว่า“ ไม่ให้ไป เราไม่รู้หรือว่าเขาเตรียมจะยิงเราอยู่ “ แล้วทรงให้ฝ่ายการข่าวมาอธิบายในรายละเอียด ที่จริงสำหรับการปองร้ายผมนั้นมีถึง 3 ครั้ง ซึ่งที่รอดอาจจะเป็นเพราะพระหลวงปู่โต๊ะที่ทรงพระราชทานและทรงเน้นให้แขวนติดตัวเสมอ
     
ประธานาธิบดีประเทศศรีลังกา ได้มีหนังสือขอพระราชทานช้างที่มีคชลักษณ์ดีไปเลี้ยงเพื่อใช้แห่พระเขี้ยวแก้ว(พระทนต์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ในการนี้ คุณสมโรจน์(จังหวัดสุรินทร์) ได้ถวายช้างน้อยสองเชือก โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้ทรงพระสุหร่ายให้ก่อนออกเดินทาง โดยได้มอบหมายให้อธิบดีกรมป่าไม้นำไปมอบ ซึ่งขณะนี้หนึ่งในสองเชือกได้กลับมาประเทศไทยแล้ว เพราะเคยป่วยและรักษาที่ศรีลังกาไม่ได้ เชื่อไหมตลอดระยะเวลา 25 ปีที่พระราชทานไป ทรงติดตามและพระราชทานเงินเดือนๆละ 50,000 บาท เพื่อเป็นค่าอาหารของช้างทั้งสองเชือกนี้โดยไม่เคยขาด
     
ผมได้ถวายคำปฏิญาณไว้แล้วว่า จะปฎิบัติหน้าที่รักษาป่าให้สมกับชื่อRoyal Forest Department ดังนั้น จึงกระทบกระทั่งกับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองทุกระดับบ่อยครั้งอย่างรุนแรง จนสุดท้ายถูกย้ายแบบฟ้าผ่า แต่ด้วยพระเมตตาและพระบารมีปกเกล้าจึงรอดพ้นมาได้ สำหรับผม ครอบครัว และคนในกรมป่าไม้ ล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ทรงพระพระราชทานชีวิตให้ พวกข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงผู้เป็นข้ารองพระบาทได้ปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อรักษาป่าไม้ สัตว์ป่า และสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นสมบัติของแผ่นดินไว้ให้ได้อยู่ชั่วลูกชั่วหลาน สมดังที่ได้ตั้งพระราชหฤทัยไว้
 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง