วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 07:29 น.

การเมือง

"อนุทิน" หนุนเปิดสภาสมัยวิสามัญฯ แก้ รธน.วาระ 2-3 ให้เสร็จปีนี้ตาม MOA ปชน.แจงยิบช่วงดึกปัดตัดทิ้ง "สสร."

วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 10.31 น.

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงข้อเรียกร้องของพรรคประชาชนที่ต้องการให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 และ 3 ว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ โดยนายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ประสานงานของรัฐบาลกับรัฐสภา ซึ่งทางรัฐสภาก็เตรียมพร้อมที่จะเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อให้การพิจารณาในเรื่องดังกล่าวเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไข MOA ที่พรรคภูมิใจไทยทำไว้กับพรรคประชาชน

"เอ็มโอเอเป็นข้อผูกมัดระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ซึ่งเราต้องดำเนินการเป็นไปตามนั้น ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล" นายอนุทิน กล่าว
ส่วนกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ได้ข้อยุติเกี่ยวกับองค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพียงองค์กรเดียวคือ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 35 คนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในรายละเอียดอยากให้ไปถามความเห็นจากนายภราดรเอง

ปชน.แจงยิบช่วงดึกปัดตัดทิ้ง "สสร."
 
เมื่อช่วงดึก คืนวันที่ 12 พ.ย. 2568 ที่ผ่านมา พรรคประชาชน (ปชน.) ชี้แจงถึงกรณี สส.ปชน.ลงมติใน กมธ.พิจารณารัฐธรรมนูญ ให้มี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แทน สสร. ว่า อย่าเข้าใจผิด พรรคประชาชนไม่ได้ลงมติอะไรเกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ต่างจากร่างที่พรรคเสนอมาตั้งแต่ต้น พรรคประชาชนยืนยันว่า เรายึดตามร่างหลักที่เราเสนอมาตั้งแต่วาระ 1 ซึ่งเป็นร่างที่รัฐสภารับหลักการและมีมติให้เป็นร่างหลักในการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการ

พรรคประชาชน ไม่ได้ตัด สสร. ที่มีอยู่แล้วออก แต่เราไม่เห็นด้วยกับการเพิ่ม สสร. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เข้ามาในร่าง โดยต้นปี 2568 ที่ผ่านมา พรรคประชาชนเคยเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ให้มี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ซึ่งเป็นหลักการที่เรายึดถือมาโดยตลอด และหลายพรรคเห็นชอบด้วย

แต่คำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ระบุว่า “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง” ทำให้ทุกพรรคไม่สามารถเสนอ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนได้อีกต่อไป พรรคประชาชนจึงเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 เพื่อพยายามส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนให้ได้มากที่สุดโดยไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลไกตามที่อธิบายไปแล้วข้างต้น คือ

(1) มีผู้ร่างเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน ที่มีหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ และมาจากการเลือกตั้งทางอ้อม และ

(2) มี “ผู้รับฟังความเห็น” ซึ่งเป็นสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมมนูญ 100 คน ที่มีหน้าที่รับฟังความเห็น และมาจากการเลือกตั้งโดยตรง

12 พ.ย. 2568 มีการลงมติ 2 เรื่อง โดย กมธ. พรรคประชาชน ลงมติให้คงไว้ตามเนื้อหาในร่างของพรรคประชาชน

(1) เรื่องกลไกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ กมธ. มีมติ 21-9 เห็นด้วยกับ กมธ. พรรคประชาชน ให้คงไว้ซึ่ง “คณะกรรมาธิการยกร่าง” (35 คน) ตามร่างพรรคประชาชน

(2) เรื่อง กลไกผู้รับฟังความเห็น กมธ. มีมติ 23-8 ให้ตัดออกข้อเสนอของร่างพรรคประชาชนให้มี “สภาที่ปรึกษา” ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง (โดย 8 เสียงข้างน้อย คือ กมธ สัดส่วนพรรคประชาชน)

สิ่งที่ กมธ. พรรคประชาชน โหวตแพ้ และถูกตัดออกไปจากร่างในวันนี้ คือ สภาที่ปรึกษา ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ดังนั้น สิ่งที่ถูกตัดออกไปจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนในวันนี้ ไม่ใช่ สภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. (ซึ่งตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญทำให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนไม่ได้) แต่เป็น #สภาที่ปรึกษา ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

ด้วยข้อจำกัดของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง” พรรคประชาชนได้พยายามออกแบบกลไกสภาที่ปรึกษา เพื่อหวังให้เรายังคงมีกลไกที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน แต่ กมธ. บางส่วนยังมีความเห็นต่าง จึงทำให้ กมธ. พรรคประชาชน จึงแพ้ไป

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย ว่าแม้ กมธ. พรรคประชาชน เรา 8 คน พยายามลงมติยืนยันกลไกทั้งหมดตามร่างของพรรคประชาชน ที่ยึดโยงกับประชาชนแล้ว แต่เรายังไม่สามารถโน้มน้าว กมธ. จากพรรคอื่นและวุฒิสภา ให้คล้อยตามจนเป็นฉันทามติร่วมกันได้


 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง