วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 07:29 น.

การเมือง

“อัครวัฒน์” สว.สำรอง เปิดปมคดีฮั้ว สว.ไล่ฟ้องกราวรูด กกต.-เลขาธิการ กกต.

วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 16.45 น.

“อัครวัฒน์” สว.สำรอง เปิดปมคดีฮั้ว สว.ฟ้อง กกต.-เลขาธิการ กกต. เผยศาลอาญาคดีทุจริตฯในชั้นตรวจฟ้อง ศาลรับคดีโจทก์ไว้พิจารณา ส่วนพยานบางรายในคดีฟอกเงินกลับคำให้การ ไม่กระทบคดี คนละส่วนกัน

นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.สำรอง เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากปมคดีฮั้ว สว.ที่อยู่ระหว่างพิจารณาของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ชุดที่ 36 ต่อมานายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.สำรอง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกับนายอิทธิพร บุญประคอง กกต.กับพวกรวม 8 คน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้นัดฟังคำสั่งผลคดี ผลปรากฏว่าในชั้นตรวจฟ้อง ศาลได้รับคดีของโจทก์ไว้พิจารณา โดยให้โจทก์แก้ไขเนื้อหาฟ้องที่บกพร่องบางประการ โดยให้โจทก์จัดทำบัญชีพยานชี้ช่องและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี เพื่อประกอบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องต่อไป

นายอัครวัฒน์ กล่าวว่าตนได้ยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง กับพวกรวม 8 คน พ่วงนายแสวง บุญมี  เลขาธิการ กกต. แบ่งเป็นการกระทำความผิดร่วมกัน 2 กรรม โดยฟ้องกรรมแรก ฐานปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมสำนวนคดีและไม่ดำเนินการสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด ตามอำนาจหน้าที่ โดยประวิง เวลา โยกโย้ ไม่รับสำนวนคดี ทำให้คดีล่าช้าเกินควร ส่วนอีกกรรมหนึ่ง ฟ้องฐานเป็นการสร้างขั้นตอนยุ่งยาก เพื่อประวิงเวลา ดึงสำนวน โดยตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ชุดที่ 36 ซึ่งเป็นคณะของ กกต.ทั้ง 7 โดยที่มีการตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ชุดที่ 1 ถึง ชุดที่ 35 อยู่แล้ว แต่ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ ไร้ขอบเขต เพื่อประโยชน์ให้แก่กลุ่มผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งปล่อยให้สำนวนคดีที่เป็นความลับหลุดออกมา

ส่วน กกต.ที่ถูกฟ้อง ฐานเป็นการทำหน้าที่ระหว่างวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน โดยนายแสวง บุญมี ต้องถูกฟ้องด้วย เพราะมีส่วนร่วมในการประวิงเวลา โยกโย้ สร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น ส่วนกรณี กกต.ตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ชุดที่ 36 ที่เป็นบริวาร ตนเล็งฟ้องอยู่เพราะเป็นเครื่องมือในการไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานในสำนวน

ตนขอเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า คดีฮั้ว สว.ที่ตนยื่นฟ้องกับ ประธาน กกต.และ กกต.รวมทั้งเลขาธิการ กกต.ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นคดีที่สองในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยเปรียบเทียบกับ กกต.ในอดีต อย่าง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต. นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และ นายวีระชัย แนวบุญเนียร กกต. ที่ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี

ตนขอขอบคุณคณะผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯที่ให้ความเป็นธรรมแก่ตนและคณะ ที่ยึดมั่น ความยุติธรรม เที่ยงตรง ปราศจากอคติทั้งปวง ในการอำนวยความยุติธรรมทางอาญา ที่รับคดีไว้พิจารณาไต่สวนมูลฟ้อง

ทั้งนี้ตนมีพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสารและพยานวัตถุ ที่จะเข้าสู่สำนวนจำนวนมาก โดยจะหมายเรียกพยานเอกสารในสำนวนคดีที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 เข้ามาในสำนวนเพี่อให้ศาลตรวจสอบว่า กลุ่มจำเลยนี้ ได้กระทำอะไรไว้กับแผ่นดินไว้บ้าง จะเอาให้ติดคุกให้ได้ ตนเชื่อว่า พระสยามเทวาธิราชมีจริง คุ้มครองแผ่นดินประเทศไทย ไม่ให้กลุ่มพวกนี้ ใช้อำนาจโดย มิชอบ แถมกินเงินเดือนภาษีประชาชน ใครทำอะไรกับแผ่นดินไว้ ขอให้มีอันเป็นไป 

ส่วนคดีที่กลุ่มสภาเที่ยงธรรมและ สว.สำรองบางท่านไปยื่นฟ้อง แต่ศาลไม่รับไว้พิจารณา เพราะไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะไม่มีส่วนได้เสียกับคดีโดยตรง ตนไม่ขอออกความเห็น แต่แง่คดีแตกต่างจากคดีของตนที่ฟ้อง 2 กรรม เพราะการตั้งฟ้องในการบรรยายฟ้อง โดยตนเองเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดี กกต.ประวิงคดี ทำให้ตนได้รับความเสียหาย 

ส่วนที่มีกระแสข่าวล่าสุด มีพยานบุคคลบางปาก ในคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษกลับคำให้การ เป็นคนละส่วนกันกับคดีที่ตนยื่นฟ้อง โดยพยานหลักฐานในคดีที่ กกต.สืบสวนและไต่สวน ชุด 26 พยานหลักฐานคนละส่วนกัน ไม่อาจมาหักล้างในคดีฮั้ว สว.ได้ ถือเป็นพยานหลักฐานนอกสำนวนกับคดีที่ กกต.ไต่สวน ไม่มีผลกระทบเนื้อหาในคดี

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง