นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์  ประธานมูลนิธิเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น เปิดเผยว่า ในเวลา 10.30 น. วันที่ 24 พ.ย. 68 จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล ถึง นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณี เสนอแนวทางการป้องกันการทุจริตสอบเข้ารับราชการส่วนท้องถิ่น ปี 2568 ที่จะมีการจัดสอบวันที่ 7 ธันวาคม 2568 นี้  มีจำนวนผู้สมัครสอบ 438,277 คน แบ่งเป็นประเภทวิชาการ 296,830 คน, ประเภททั่วไป 97,141 คน และประเภทครูผู้ช่วย 44,306 คน 

ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น  กำหนดจังหวัดที่จะให้เป็นศูนย์อำนวยการสอบ และจังหวัดที่เป็นสนามสอบ เพื่อวางระบบการบริหารจัดการในการจัดสอบภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก) และภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะสำหรับตำแหน่ง (ภาค ข) ในวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2568 สรุปจำนวนที่รับทั้งหมด ดังนี้ ตำแหน่งประเภททั่วไป  จำนวน 3,128 อัตรา  ตำแหน่งประเภทวิชาการ สอบ 27 ตำแหน่ง  จำนวน  2,312 อัตรา  ตำแหน่งครูผู้ช่วย สอบ 18 ตำแหน่ง จำนวน 1,229 อัตรา  รวม 6,669 อัตรา โดย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น  ได้คัดเลือกให้ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เป็นผู้ดำเนินการจัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น และ เฉลยข้อสอบ มีการจัดศูนย์สอบมีการกำหนดศูนย์สอบทั้งหมด 10 ศูนย์ (กลุ่มภาค/เขต) ทั่วประเทศ เพื่อรองรับผู้สมัครสอบจำนวนมาก ส่วนการตรวจกระดาษคำตอบ จะแยกตรวจเป็น 10 ศูนย์สอบ 
                 
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า การจัดสอบเข้ารับราชการส่วนท้องถิ่น ปี 2568 ซึ่งเลื่อนมาถึง 2 ปี เนื่องมาจาก มีการร้องเรียนการทุจริตสอบเข้ารับราชการท้องถิ่น มีราคาตั้งแต่ 500,000-800,000 บาท/หัว ทั้งระดับ ปวส-ป.ตรี ค่านายหน้า 100,000-200,000 บาท วงเงินทุจริต ร่วม 5,000 ล้านบาท การทุจริตสอบเข้ารับราชการท้องถิ่นได้พัฒนาการ ตั้งแต่ จ้างมือปืนเข้าไปสอบแล้วส่งรหัส การซื้อข้อสอบจากผู้ออกข้อสอบไปเฉลยก่อน การส่งรหัสด้วยเครื่องสั่นติดร่างกาย จนปัจจุบัน คือ การเปลี่ยนกระดาษคำตอบก่อนเข้าเครื่องตรวจข้อสอบ ณ ปัจจุบัน มีการเก็บเงินมัดจำทุจริตสอบ ตั้งแต่ปี 2566 ถึง ปัจจุบัน  ซึ่งเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2568 มีการส่งยอดรายชื่อเพื่อยืนยันการเข้าทีมทุจริตสอบเข้ารับราชการท้องถิ่น ร่วม 8,000 ราย ผ่าน อดีต รัฐมนตรี สส อดีต สส. นายก อบจ  นายกเทศมนตรี  ปลัด หัวคะแนน นักการเมือง  นั้น ผมจึงอยากเสนอ แนวทางการป้องกันทุจริต ดังนี้

1.เสนอให้ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น อนุญาตส่ง อาสาเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น  จำนวน 300 คน ศูนย์ละ 30 คน เข้าไปตรวจ สังเกต การเปิดกระดาษคำตอบ เช็คยอดกระดาษคำตอบและจำนวนผู้เข้าสอบว่ายอดตรงกันไหม เช็คลายเซ็นกระดาษคำตอบกับรายเซ็นผู้เข้าสอบตรงกันไหม เช็คว่ากระดาษคำตอบ 1 ชื่อ มีซ้ำซ้อนกันไหม เช็คเสร็จก็ดำเนินนำกระดาษคำตอบเข้าเครื่องตรวจได้ 

2.เสนอ ให้ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น อนุญาตให้ผู้เข้าสอบ ถ่ายสำเนากระดาษคำตอบของตนเอง ทั้งสอบ ภาค ก-ข หลังจากส่งกระดาษคำตอบกับเจ้าหน้าที่ผุ้คุมสอบ และ เจ้าหน้าที่เซ็นกำกับ

3.เสนอ ให้ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น แขวนเฉลยคำตอบ ภาค ก-ข ระบุชุดข้อสอบ ไว้หน้าเว็บไซด์กรมฯ ในวันที่ 8 ธันวาคม 2568 เพื่อให้ผู้เข้าสอบทราบคะแนนของตนเองเลย และ เทียบกับการประกาศผลสอบของกรมฯ
    
นี่คือวิธีการป้องกันการทุจริตเบื้องต้น ซึ่งน่าจะได้ข้าราชการใหม่ ที่เก่ง ตั้งใจเป็นข้าราชการของแผ่นดินต่อไป และในวันที่ 3 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CA 313 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา ทาง นายอภิชาติ ตีรสวัสดิชัย ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ได้เรียกผม และ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ไปสอบชี้แจง กรณี โครงการที่มีปัญหาประกอบด้วย 

1.โครงการประกวดราคาเช่าใช้ ระบบประมวลผลแบบคลาวด์ วงเงิน 2,800 ล้านบาท 2.โครงการประกวดราคาซื้อจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูปพร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มการจัดการเรียนรู้แห่งชาติ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นฐาน ระยะที่ 2 วงเงิน 1,330 ล้านบาท 3.โครงการเช่าแท็บเล็ต หรือ โครงการประกวดราคาเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอน (สพฐ.) 5 โซน วงเงิน 14,644 ล้านบาท 

ทั้ง 3 โครงการนี้เคยถูกร้องเรียนมาก่อนหน้านี้ถึงนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งได้สั่งการให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ตรวจสอบ สุดท้ายมีการยกเลิกโครงการทั้ง 3 ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทั้ง 3 โครงการได้เดินหน้าต่ออีกครั้ง แต่ไม่มีการแก้ไขรายละเอียดคุณลักษณะ (TOR) ยังคงเป็นการล็อกสเปกเหมือนเดิมใน 2 โครงการแรก อีกทั้งโครงการแท็บเล็ตมีการดำเนินการที่ซับซ้อนมากขึ้น คล้ายกับกรณีทุจริตสนามฟุตซอล ตั้งราคากลางสูงเกินจริง สเป็คสินค้าเก่าที่เคยผลิตแล้ว ได้รับรองจาก กสทช แล้ว ถ้าผลิตเพิ่ม ไม่ต้องขอรับรองจาก กสทช. ใหม่ โดยจากเดิมกำหนดรูปแบบการประมูลเป็น 5 โซน แต่ภายหลังมีการทบทวนและปรับเปลี่ยนให้ดำเนินการผ่านเขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้งสิ้นกว่า 200 เขต โดยมีการส่งร่าง TOR กลางให้แต่ละเขตใช้เป็นแนวทาง แม้ต้องตั้งคณะกรรมการพิจารณาเอง แต่มีการกำชับให้จัดทำ TOR ให้ใกล้เคียงกับร่างดังกล่าว อีกทั้งยังพบประเด็นการแบ่งสัดส่วนตลาดเพียง 3 ยี่ห้อ อาทิ S L I และ ผู้ยื่นเสนอราคาจะต้องได้รับหนังสือแต่งตั้งจาก 3 ยี่ห้อ แล้วแบ่งเขตกันได้งาน และ ยื่นคู่เทียบเป็นพิธี ได้ราคาเต็ม การแข่งขันด้านราคาไม่มีจริง  ซึ่งทำให้ผู้เสนอราคานอกโผไม่สามารถซื้อของจากทั้ง 3 ยี่ห้อได้เพราะเขาไม่ขายและไม่ออกหนังสือแต่งตั้งตัวแทนให้ จึงไม่สามารถเข้าร่วมได้แข่งขันได้ ถ้าจะจ้างผลิตใหม่ก็ไม่ทัน การรับรองจาก กสทช. ก็ไม่ทัน ก็เข้าเสนอราคาไม่ได้  ตนก็จะเตรียมเอกสาร หลักฐาน ไปชี้แจงรายละเอียดต่อ กมธ.ปปช.ในวันเวลาดังกล่าว ต่อไป