เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2568 นายษรกฤต ผลลูกอินทร์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชลบุรี เขต 7 หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงแนวคิดการยกระดับการท่องเที่ยวพื้นที่ศรีราชา–เกาะสีชัง โดยชี้ว่า “เกาะลอย–เกาะสีชัง” มีศักยภาพก้าวสู่การเป็นจุดหมายท่องเที่ยวเชิงศรัทธาริมทะเลระดับประเทศ และสามารถพัฒนาไปสู่ภาพลักษณ์ “ฮ่องกงเมืองไทย” ได้อย่างเป็นรูปธรรม หากมีการบริหารจัดการและทำการตลาดเชิงพื้นที่อย่างจริงจัง

นายษรกฤตระบุว่า จากข้อมูลการท่องเที่ยวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เกาะสีชังมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประมาณ 150,000–200,000 คนต่อปี โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยราวร้อยละ 70 และนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกร้อยละ 30 ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้นิยมเดินทางมาเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ควบคู่กับการพักผ่อน ชมวิวทะเล และรับประทานอาหารทะเลสดของชุมชน อย่างไรก็ตาม รูปแบบการท่องเที่ยวยังเป็นลักษณะ “มาเช้า–เย็นกลับ” เป็นหลัก ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนยังไม่สูงเท่าศักยภาพที่แท้จริงของพื้นที่

แนวคิดการเชื่อมโยง เกาะลอย ศรีราชา ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนบนฝั่ง กับแหล่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญบนเกาะสีชัง จะทำให้เกิด “เส้นทางศรัทธาริมทะเล” ในลักษณะเดียวกับฮ่องกง ที่นักท่องเที่ยวสามารถไหว้พระ ไหว้เจ้า ขอพร และเดินทางท่องเที่ยวได้ครบภายในพื้นที่ใกล้กัน ฮ่องกงประสบความสำเร็จจากการมีวัดและศาลเจ้าสำคัญกระจายตัวอยู่ใกล้ระบบคมนาคม ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้ง ซึ่งเกาะสีชังก็มีองค์ประกอบลักษณะเดียวกัน เพียงแต่ยังไม่ได้ถูกจัดระบบและสื่อสารในภาพใหญ่ระดับประเทศ

สำหรับการเปรียบเทียบเชิงศรัทธา นายษรกฤตอธิบายว่า ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ของเกาะสีชัง มีบทบาทใกล้เคียงกับวัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin) ในฮ่องกง ที่ผู้คนเดินทางมาขอพรด้านการงาน การค้า และความสำเร็จ ขณะที่ ศาลเจ้าแม่กวนอิม บนเกาะสีชัง ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและทะเล มีบรรยากาศและความศรัทธาคล้ายกับวัดเจ้าแม่กวนอิมย่านจิมซาจุ่ย ที่นักท่องเที่ยวเชื่อมโยงการขอพรกับความสงบใจและสุขภาพ นอกจากนี้ ศาลเจ้าพ่อเสือ เจ้าแม่ทับทิม และเทพเจ้าเห้งเจีย ก็มีบทบาทไม่ต่างจากศาลเจ้าจีนสำคัญในฮ่องกง ที่ตอบโจทย์ความเชื่อเฉพาะด้านของผู้เดินทาง

ในมิติทางประวัติศาสตร์ พระจุฑาธุชราชฐาน และ วัดอัษฎางคนิมิตร เปรียบเสมือนแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของฮ่องกงที่ผสานเรื่องราวประวัติศาสตร์เข้ากับทัศนียภาพเมืองและทะเล ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ได้มาเพียงเพื่อสักการะ แต่ยังได้เรียนรู้เรื่องราวของพื้นที่และถ่ายภาพเชิงท่องเที่ยว ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่

นายษรกฤตเชื่อว่า หากมีการผลักดันเชิงนโยบายอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว การจัดกิจกรรมตลอดทั้งปี การประชาสัมพันธ์ในตลาดต่างประเทศ และการส่งเสริมการพักค้างคืน จะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากหลักแสนต่อปี เป็น มากกว่า 1–2 ล้านคนต่อปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เท่า ในระยะกลางได้ โดยเหตุผลสำคัญคือความสะดวกในการเดินทางใกล้กรุงเทพฯ ต้นทุนการท่องเที่ยวไม่สูง และมีจุดขายทั้งศรัทธา ทะเล และอาหารในพื้นที่เดียวกัน

การขยับ “เกาะลอย–เกาะสีชัง” สู่ภาพ “ฮ่องกงเมืองไทย” จึงไม่ใช่เพียงการเปรียบเปรยเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นแนวคิดเชิงเศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ กระจายเม็ดเงินสู่โรงแรม โฮมสเตย์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รถรับจ้าง และผู้ประกอบการท้องถิ่น พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนบนเกาะอย่างยั่งยืนในระยะยาว