วันศุกร์ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567 02:58 น.

อสังหา

เครือฟอร์จูนตัดริบบิ้น โรงแรม ฟอร์จูนแสงจันทร์ บีช ระยอง

วันจันทร์ ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563, 10.19 น.
เครือฟอร์จูนตัดริบบิ้น
โรงแรม ฟอร์จูนแสงจันทร์ บีช ระยอง
 
 
 
เครือฟอร์จูน เล็งภาคธุรกิจท่องเที่ยว-โรงแรม เดินหน้าขยายโรงแรมเปิดตัวยังต้องลุ้น วอนภาครัฐเดินเครื่องออกมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง ปลื้มโครงการ”เที่ยวด้วยกัน” หนุนการท่อเที่ยวภายในประเทศเพิ่ม พร้อมเผยแผนปี 64 จ่อเปิดโรงแรมเพิ่ม 5-10 แห่ง
 
 
นายสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร โรงแรมในเครือฟอร์จูน บมจ.ซี.พี.แลนด์ (CPLand) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนพัฒนาโรงแรม ว่า บริษัทจะเน้นการลงทุนโดยมุ่งเน้นการกระจายการลงทุนในระดับภูมิภาค เน้นการกระจาย สร้างรายได้สู่จังหวัดต่างๆ โดยในปี 2564บริษัทมีแผนพัฒนาโรงแรมใหม่จำนวน 5-10 โครงการ ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลงทุนพัฒนาโรงแรมแล้ว 14 แห่ง รวมกว่า 2,000 ห้อง
 
“การลงทุนในการขยายโรงแรม บริษัทมีแนวคิดที่จะขยายไปสู่จังหวัดเมืองท่องเที่ยว ด่านการค้าชายแดน แหล่งอุตสาหกรรมโดยเราจะมองในภาพรวมที่เกิดจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป มีรูปแบบมีสไตล์การท่องเที่ยวมากขึ้น ทั้งนี้บริษัทจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญกับการลงทุนโรงแรมที่เจาะกลุ่มลูกค้ามากขึ้น สำหรับโรงแรมในเครือฟอร์จูน ยังได้ดำเนินการเพื่อให้ตอบสนองของนโยบายภาครัฐในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย”นายสุนทร กล่าว
 
 
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตตัวโรงแรม ฟอร์จูนแสงจันทร์ บีช ระยอง พัฒนาบนพื้นที่กว่า 2 ไร่  เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว สูง 7 ชั้น จำนวน 107 ห้อง ประกอบไปด้วยห้องดีลักซ์ 48 ห้อง ห้องดีลักซ์ ซีวิว 16 ห้อง ดีลักว์ริเวอร์วิว 28 ห้อง ห้องพรีเมียร์ 1 ห้อง ห้องพรีเมียร์ ซีวิ 12 ห้อง ห้องเอ็กเซ็คคูทิฟ สวีท ซี วิว 2 ห้อง รวมถึงห้องประชุมสัมมนา ที่รองรับลูกค้าได้มากกว่า 200 คนขึ้น
 
ด้านนายเชิดชัย กมลเนตร รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจโรงแรม บมจ.ซี.พี.แลนด์ กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยในปี 2563 นี้ โดยได้กล่าวถึงภาพรวมกลุ่มโรงแรมในเครือฟอร์จูน ว่า ยังสามารถประคับประคองไปได้ในทิศทางที่ดี  เนื่องจาก ยังมีวันหยุดยาวในช่วงเดืน ธ.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะส่งผลให้การท่องเที่ยวในเมืองไทย สามารถยังไปต่อได้ ส่วนการท่องเที่ยวในปี 2564 มองว่า ปัจจัยหลักๆมาจากภาวะเศรษฐกิจ การเมือง ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดภาคการท่องเที่ยวในปีหน้า
 
ขณะที่ผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด มีผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรม อันได้แก่ ลูกค้าจากต่างชาติหายไป ความมั่นใจในเรื่องของการเดินทาง เรื่องจำนวนเที่ยวบิน ความปลอดภัยในด้านสาธารณะสุขต่างๆ นอกจากนี้ยังกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยของคนภายในประเทศลดลงหรือคิดมากขึ้น ส่วนมาตรการที่ภาครัฐออกมาช่วยเหลือ เช่น โครงการ เที่ยวด้วยกัน ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศได้มาก ซึ่งมีการจองผ่านโครงการค่อนข้างมากถ้าเทียบกับในช่องทางอื่นๆ
 
“อยากให้ภาครัฐได้มีการผลักดันให้หน่วยงานราชการที่มีความจำเป็นในเรื่องของการประชุมสัมมนา ที่ยังมีการดำเนินการต่ออย่างต่อเนื่อง ตรงนี้จะเป็นการช่วยกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมอยู่ตามต่างจังหวัด จะเป็นการช่วยสนับสนุนให้เกิดการเข้าพัก การใช้บริการห้องสัมมนา การจัดเลี้ยงอีกด้วย ซึ่ในตรงนี้ถ้าเกิดมีการผลักดันและสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจะเป็นการช่วยผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี”นายเชิดชัย กล่าว
 
อย่างไรก็ตามในปี 2564 บริษัทมีแผนจะพัฒนาโรงแรมใหม่เพิ่ม โดยจะใช้แบรนด์เล็ก หรืออาจจะเป็นการแตกแบรนด์ใหม่เพิ่มเติมออกมาอีก 1 แบรนด์ ซึ่งบริษัทได้เห็นโอกาสในการลงทุน เนื่องจากการที่บริษัทได้มีกเดินหน้าเรื่องการบริหารจัดการลงทุนในธุรกิจโรงแรม ซึ่งจากสถานการณ์โควิดได้เล็งเห็นว่าโรงแรมที่อยู่ตามต่างจังหวัด หรือตามหัวเมืองต่างๆ มีโอกาสที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของผลตอบแทนและมีความสำเร็จไปในทิศทางที่เป็นบวกได้ง่ายกว่าโดยที่เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงตลาดต่างชาติ