วันอังคาร ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2567 16:38 น.

อสังหา

SA ลุยเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่า 8 พันล.

วันพฤหัสบดี ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2564, 17.35 น.
SA ลุยเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่า 8 พันล.
 
บนทำเลทอง "รามอินทรา-ปิ่นเกล้า-ทุ่งสองห้อง"
 
 
 
บมจ.ไซมิส แอสเสท หรือ SA โชว์แผนธุรกิจครึ่งปีหลัง เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8 พันล้านบาท บนพื้นที่ทำเลสุดปัง ย่านรามอินทรา-ปิ่นเกล้า-ทุ่งสองห้อง เน้นใกล้บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสายหลัก เหมาะเป็นทั้งที่อยู่อาศัย และการลงทุน ด้านบิ๊กบอส “ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ” มั่นใจคุมต้นทุนอยู่หมัด พร้อมเสิร์ฟสินค้าราคาดีสุดในทำเลเดียวกัน คาดผลตอบรับดี หวังยอดจองคึกคัก ผลักดันผลงานโตต่อเนื่อง ประเมินปี 64 รายได้โตเข้าเป้าแตะ 4,800 ล้านบาท
 
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA  ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต’ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งหลังของปี 2564 บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม Landmark @Grand Station มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท ภายในเดือนมิถุนายนนี้  ขณะเดียวกันมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการหมู่บ้านแนวราบระดับบน ถนนพรานนก – พุทธมณฑล มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และ โครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ ติดทางลงสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้อง มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดได้ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ 
 
“บริษัทมีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เพิ่มเติม บนทำเลทองที่มีความต้องการสูง เช่น ย่านถนนรามอินทราและบริเวณทุ่งสองห้อง โดยโครงการจะอยู่ใกล้บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสายหลัก เน้นสินค้าที่มีราคาอยู่ระดับปานกลาง ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่าย  ขณะเดียวกันจะเปิดโครงการบ้านเดี่ยว แนวราบ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าระดับบนในโซนปิ่นเกล้า พร้อมกับการจัดโปรโมชั่นช่วยดึงดูดความสนใจในรูปแบบต่างๆ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้ามากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าทำการเปิดขายโครงการใหม่ น่าจะได้รับความสนใจอย่างคึกคัก และจะช่วยผลักดันให้ปีนี้เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ระดับ 4,800 ล้านบาท”
 
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มของความต้องการของการซื้ออสังหาฯในพื้นที่กรุงเทพฯ บริษัทประเมินว่ายังมีความต้องการสูง เช่น โครงการ Landmark @Grand Station มียอดจองสิทธิ์เข้ามาเลือกห้อง Pre-sale ถึงเกือบ 300 สิทธิ  เนื่องจากโครงการต่างๆของบริษัท อยู่ในทำเลที่ตั้งที่ดี ติดถนนสายหลัก เช่น ถนนสุขุมวิท และใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายหลัก เหมาะสำหรับเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุน รวมถึงการใช้กลยุทธ์ด้านราคาที่คุ้มค่ากว่าคู่แข่งในทำเลเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า รวมทั้งปัจจุบันราคาที่ดินในทำเลที่ดี มีการปรับตัวสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้โครงการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมีจำนวนน้อยลง และมีราคาสูงขึ้น จึงทำให้เชื่อว่าโครงการของบริษัทฯจะได้รับความสนใจเป็นอย่างดี 
 
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สามารถควบคุมได้ในวงจำกัด หลังจากมีการฉีดวัคซีนตามแผนของรัฐบาลแล้ว และภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ โดยผ่อนปรนให้ต่างชาติ สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยได้ง่ายขึ้น ซึ่งมาตราการต่างๆ จะช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน