TEKA ส่งซิกแนวโน้ม Q2 สดใสรับรู้งานโครงการใหม่ กอด Backlog แน่น อยู่ที่ 2,726 ลบ.

“บมจ. ฑีฆาก่อสร้าง” ส่งซิกแนวโน้มผลงานไตรมาส 2/68 คาดแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรก เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้งานโครงการใหม่ๆ เข้ามา ล่าสุดประกาศงบโค้งแรกปีนี้ตุน Backlog แข็งแกร่งอยู่ที่ราว 2,726 ล้านบาท มีรายได้จากงานก่อสร้างอยู่ที่ 321.44 ล้านบาท มีกำไรสุทธิจำนวน 3.98 ล้านบาท ชูกลยุทธ์เน้นคุณภาพงาน การส่งมอบงานตรงต่อเวลา บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับการให้บริการขึ้นสู่กลุ่มโครงการลักชัวรี่ 

ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA เปิดเผยว่าแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 2/2568 คาดว่ามีแนวโน้มที่ดีกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมา เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้งานโครงการใหม่ๆในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดย TEKA ยืนหยัดในฐานะผู้นำด้านการก่อสร้างอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่ของประเทศไทย ด้วยจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และมาตรฐานระดับสูง สะท้อนความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้า และผลงานอันเป็นที่ยอมรับ

สนับสนุนให้บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 แข็งแกร่งอยู่ที่ 2,726 ล้านบาท ซึ่งรวมงานโครงการใหม่ SKV51 เรียบร้อยแล้ว และบริษัทมุ่งหวังที่จะเพิ่ม Backlog อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่ๆ ต่อเนื่อง คาดเตรียมประกาศข่าวดีคว้างานเพิ่มเติมอีกเร็วๆ นี้

“ด้วยความเชี่ยวชาญการส่งมอบงานที่มีคุณภาพและตรงเวลา สะท้อนจาก Backlog ที่เติบโตต่อเนื่องจากภาคเอกชน และโปรเจกต์ใหญ่ที่ทยอยเข้ามา ยกระดับ TEKA สู่ผู้รับเหมาชั้นนำ (Tier 1) เจาะตลาด Hi-End ต่อเนื่องตามกลยุทธ์ที่วางไว้” ดร.วีระศักดิ์ กล่าว

ล่าสุดผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 1/2568 มีรายได้จากการก่อสร้าง 321.44 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2567 มีรายได้อยู่ที่ 568.92 ล้านบาท โดยสาเหตุการลดลงของรายได้เนื่องจากมีงานโครงการที่แล้วเสร็จและส่งมอบเรียบร้อยแล้วจำนวน 3 โครงการ ส่วนงานโครงการใหม่ที่เกิดขึ้นจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ของปีนี้เป็นต้นไป ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 3.98 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้นจะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทย และกรุงเทพมหานครก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่งานโครงการที่บริษัทฯเป็นผู้รับเหมาหลักไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวแต่ประการใด อีกทั้ง การปรับเพิ่มของค่าแรงงาน ทางบริษัทฯได้มีการบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทฯได้เป็นอย่างดี