วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568 05:53 น.

ประชาสัมพันธ์

กรมลดโลกร้อน มอบ 160 รางวัล ทสม. และเครือข่าย ทสม. ดีเด่น ประจำปี 2568

วันพุธ ที่ 03 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 20.43 น.

กรมลดโลกร้อน มอบ 160 รางวัล ทสม. และเครือข่าย ทสม. ดีเด่น ประจำปี 2568

สนับสนุนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาโลกเดือด สร้างความเข้มแข็งในระดับพื้นที่

.

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรมวัน ทสม. แห่งชาติ เปิดเวที “พลัง ทสม. ฟื้นธรรมชาติ สู่วิกฤตภูมิอากาศ” พร้อมมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ ทสม. และเครือข่าย ทสม. ดีเด่น ประจำปี 2568 รวม 160 รางวัล สร้างพลังขับเคลื่อน ต่อยอดการดำเนินงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ พร้อมสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจากนางปรีญาพร สุวรรณเกษ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการประชุมพร้อมมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ พร้อมด้วยนายโกเมศ พุทธสอน รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวรายงาน มีผู้ร่วมงานจากผู้แทน ทสจ. และเครือข่าย ทสม.  76 จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานกว่า 400 คน ณ โรงแรมมารวย การ์เด้น กรุงเทพมหานคร

.

นางปรีญาพร สุวรรณเกษ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่โดยเฉพาะเหตุกาณ์น้ำท่วม ดินโคลนถล่มในภาคเหนือ น้ำท่วมน้ำหลากในภาคกลาง และน้ำท่วมใหญ่ในภาคใต้ ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งภัยพิบัติเกิดขึ้นในหลายประเทศ ทำให้ทุกประเทศเร่งยกระดับความมุ่งมั่นเพื่อจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยประเทศไทยได้แสดงจุดยืนในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 30 หรือ COP 30 ที่ประเทศบราซิล ภายใต้แนวคิด การรวมพลังของประชาคมโลก โดยเน้นการมองคนเป็นศูนย์กลาง สนับสนุนการขับเคลื่อนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และสร้างภูมิคุ้มกันในการปรับตัวการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และมุ่งเน้นการสร้างกระแสให้เกิดการดำเนินการจากระดับท้องถิ่นถึงระดับโลก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เร่งผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนประเทศไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นระบบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นเชอบเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา และเมื่อมีผลบังคับใช้ ทสม. จะมีบทบาทสำคัญในการเป็นเครือข่ายอาสาสมัครภาคประชาชน ที่จะเป็นผู้นำขับเคลื่อนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

.

นางปรีญาพร กล่าวต่อว่า ทสม. เป็นกลไกการสื่อสารและการปฏิบัติการ ที่จะทำให้เป้าหมายทั้งในระดับประเทศและระดับโลกเกิดขึ้นจริงในพื้นที่ชุมชน ทั้งด้านลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การส่งเสริมการคัดแยกและจัดการขยะมูลฝอยอย่างถูกวิธีในชุมชน การเป็นผู้นำสร้างพื้นที่ต้นแบบเพิ่มพื้นที่สีเขียว การปลูกป่าชุมชนเพื่อเพิ่มแหล่งดูดซับคาร์บอน ขณะที่ด้านการปรับตัวและสร้างภูมิคุ้มกัน ทสม. จะเป็นผู้เฝ้าระวังและอนุรักษ์ ปราการธรรมชาติให้ระบบนิเวศทำหน้าที่ลดความเสี่ยงและสร้างภูมิคุ้มกันแก่ชุมชนจากภัยพิบัติ ส่วนการเข้าถึงกลไกการเงิน ทสม. จะเป็นผู้สร้างโครงการต้นแบบที่มีศักยภาพ เช่น โครงการคาร์บอนเครดิตในชุมชน เพื่อให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากกลไกทางการเงินใหม่ อย่างเป็นรูปธรรมและเท่าทัน อีกทั้ง ทสม. ยังเป็นโซ่ข้อกลางระหว่างชุมชน และหน่วยงาน ในกบูรณาการการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจัดการสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่ “พลังของเครือข่าย ทสม. จะเป็นกลไกการสื่อสารและการปฏิบัติในการลดก๊าซเรือนกระจก และการปรับตัวในพื้นที่ เปลี่ยนวิกฤตสภาพภูมิอากาศให้เป็นโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืน และบรรลุเป้าหมายของประเทศไทยตามพันธกรณีระดับโลก” ด้าน นายโกเมศ พุทธสอน รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีเครือข่าย ทสม. มากกว่า 300,000 คน ทั่วประเทศ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้คัดเลือกต้นแบบการทำงานด้วยจิตอาสา ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่ เพื่อเป็นแบบอย่างการทำงาน ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด 76 จังหวัด มาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน สำหรับในปี 2568 ดำเนินการคัดเลือก แบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ มีการแบ่งผลงานการคัดเลือกออกเป็น 2 สาขา 7 ด้าน คือ สาขาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 3 ด้าน คือ 1) ด้านการจัดการทรัพยากรป่าไม้ และพื้นที่สีเขียว 2) ด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ และ 3) ด้านการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ และสาขาการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จำนวน 4 ด้านคือ 1) ด้านการจัดการขยะมูลฝอยเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2) ด้านการจัดการไฟป่า หมอกควัน และการเผาในที่โล่ง 3) ด้านการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร และ 4) ด้านการจัดการระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างพลังขับเคลื่อนการดำเนินงานของเครือข่าย ทสม. ให้เกิดความเข้มแข็งยิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถยกระดับ และพัฒนาต่อยอดการดำเนินงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่ให้เป็นที่ประจักษ์ของสังคม

หน้าแรก » ประชาสัมพันธ์