วันเสาร์ ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 11:09 น.

สังคม-สตรี

เผยวิธีป้องกันและรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบที่ควรต้องรู้

วันศุกร์ ที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2566, 16.18 น.

“อาการปวดหัว” สามารถเป็นได้ด้วยหลายสาเหตุ แต่แบบไหนที่จะเป็นอันตราย หรือแบบไหนที่เข้าข่ายเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ และต้องรีบรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบโดยด่วน เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถรู้ทันอันตรายของโรคหลอดเลือดสมองตีบ รวมถึงมีวิธีป้องกันและรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบมาบอกกัน

โรคหลอดเลือดสมองตีบมีสาเหตุมาจากอะไร?

เรามาดูสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองตีบ ก่อนไปดูว่ามีวิธีป้องกันและรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบอย่างไร?

โรคหลอดเลือดสมองตีบ (Cerebral Artery Stenosis) เกิดจากการตีบของหลอดที่ลำเลียงเลือดไปหล่อเลี้ยงสมอง จึงส่งผลให้ไม่สามารถไหลผ่านได้ตามปกติ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือด จนทำให้เกิดแผลบนผนังหลอดเลือดสมอง เลือดจึงไม่สามารถไหลผ่านได้ตามปกติ

โรคหลอดเลือดสมองตีบมีอาการอย่างไร?

สำหรับผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ มักมีอาการดังต่อไปนี้

  1. อาการปวดศีรษะที่รุนแรง และปวดนาน ไม่ค่อยหายไป
  2. อาการหน้ามืด มองเห็นภาพซ้อน หรือขาดหายไปบางช่วง
  3. อาการหน้าซีดขาวและมีความรู้สึกว่าไม่สบาย
  4. อาการที่สมองเสื่อม เช่น ลืมสิ่งของ พูดลำบาก และเคลื่อนไหวลำบาก
  5. หากรุนแรงจะมีอาการชัก เมื่อเส้นเลือดขยายหรือแตก ร้ายแรงสุดคือสามารถหยุดหายใจได้

วิธีป้องกันและรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ

ในส่วนของวิธีป้องกันและรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ มีดังต่อไปนี้          

วิธีป้องกันโรคหลอดเลือดสมองตีบ

1.     รักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย และเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม รวมถึงควรลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง และเพิ่มการบริโภคผักและผลไม้เข้ามากขึ้น

2.     ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ด้วยการดูแลสุขภาพและรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์

3.     หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ซึ่งมีสารที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบได้ 

วิธีรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ 

สำหรับผู้ป่วยควรปฏิบัติตามรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ ดังต่อไปนี้

1.     ผู้ป่วยอาจต้องรับประทานยาเพื่อลดความดันโลหิต หรือความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาลดไขมันในเลือด

2.     ผู้ป่วยควรรับการรักษาด้วยวิธีการทางการแพทย์อื่น ๆ ตามการวินิจฉัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

3.     ผู้ป่วยควรฟื้นฟูสมอง โดยใช้วิธีการฟื้นฟูการพูด การเคลื่อนไหว หรือการทำงาน โดยใช้วิธีการฝึกซ้อมและการทำกิจกรรมที่เหมาะสม   

สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดสมองตีบไม่รุนแรงมาก อาจใช้วิธีการรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ แบบควบคุมอาการได้ แต่หากโรครุนแรงมาก อาจต้องรับการรักษาแบบฉุกเฉิน เพื่อเป็นการช่วยเหลือชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที

 

หน้าแรก » สังคม-สตรี

ข่าวในหมวดสังคม-สตรี