สังคม-สตรี
รู้ทัน 5 สัญญาณอาการไข้เลือดออกในเด็ก
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

โรคไข้เลือดออกเป็นหนึ่งในโรคติดต่อที่เกิดจากไวรัสเดงกีซึ่งมียุงลายเป็นพาหะ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ยุงลายแพร่พันธุ์ได้ง่าย เด็กเล็กเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญที่มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูง เนื่องจากภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงเท่าผู้ใหญ่ ดังนั้น การเฝ้าระวังและสังเกตอาการให้ทันจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 5 สัญญาณสำคัญของอาการไข้เลือดออกในเด็กที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครูควรสังเกตอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถพาเด็กเข้าสู่กระบวนการรักษาได้ทันก่อนจะลุกลามเป็นอันตรายถึงชีวิต
1. มีไข้สูงฉับพลัน ไม่ลดภายใน 2 วัน
สัญญาณแรกของอาการไข้เลือดออกในเด็กคือไข้สูงเฉียบพลันถึง 39–40 องศาเซลเซียส โดยไม่มีอาการของหวัดหรือไอร่วมด้วย เด็กจะมีอาการซึม เบื่ออาหาร และอาจมีอาเจียนร่วมด้วย ไข้มักจะไม่ลดลงเมื่อให้ยาลดไข้ทั่วไป และหากไข้ไม่ลดภายใน 48 ชั่วโมง ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที
พ่อแม่บางคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา และรอดูอาการไปก่อน แต่การปล่อยไว้โดยไม่ตรวจสอบอาจทำให้การวินิจฉัยโรคล่าช้าและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
2. ปวดเมื่อยตัวและปวดท้องผิดปกติ
อีกหนึ่งอาการไข้เลือดออกในเด็กที่สังเกตได้คือ เด็กจะบ่นปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดกระบอกตา หรือปวดศีรษะร่วมด้วย บางรายมีอาการปวดท้องเฉียบพลัน โดยเฉพาะในบริเวณใต้ชายโครงด้านขวา อันเกิดจากตับโตหรือเลือดออกในช่องท้อง
หากเด็กบ่นปวดท้องบ่อย ๆ และไม่สัมพันธ์กับอาการอาหารเป็นพิษหรือท้องเสียทั่วไป ควรตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นอาการเริ่มต้นของไข้เลือดออกได้
3. มีผื่นจุดเลือดออกตามร่างกาย
อาการไข้เลือดออกในเด็ก ที่ชัดเจนอีกประการคือการเกิดผื่นแดงหรือจุดเลือดออกเล็ก ๆ บนผิวหนัง มักขึ้นที่แขน ขา ลำตัว หรือหลังใบหู จุดเลือดออกเหล่านี้ไม่หายไปเมื่อลองใช้นิ้วกดเบา ๆ บางครั้งอาจพบเลือดออกตามไรฟัน หรือเลือดกำเดาไหล
หากพบว่ามีผื่นลักษณะดังกล่าว ควรรีบนำเด็กไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยทันที เพราะอาการนี้มักแสดงว่าเกล็ดเลือดในร่างกายลดต่ำ ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกง่ายและช็อก
4. ซึม อ่อนเพลีย และไม่อยากอาหาร
เด็กที่เป็นไข้เลือดออกมักมีอาการซึมลงเรื่อย ๆ ไม่ร่าเริง ไม่อยากเล่น หรือหลับบ่อยกว่าปกติ รวมถึงเบื่ออาหาร ดื่มน้ำได้น้อย และไม่ยอมกินข้าว ซึ่งต่างจากไข้ทั่วไปที่เด็กยังสามารถทานอาหารได้บ้าง
อาการเหล่านี้มักเกิดในช่วงวันที่ 3–5 ของโรค ซึ่งเป็นช่วงที่อันตรายที่สุด เพราะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะช็อกหากไม่ได้รับน้ำและการดูแลอย่างเหมาะสม
5. ปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะเลย
ในเด็กที่ติดเชื้อและเริ่มเข้าสู่ระยะวิกฤต อาจพบว่าเด็กมีปริมาณปัสสาวะลดลง หรือไม่ปัสสาวะเลยภายใน 6–8 ชั่วโมง ซึ่งอาจบ่งบอกถึงภาวะขาดน้ำและระบบไหลเวียนโลหิตที่เริ่มผิดปกติ
หากพบอาการไข้เลือดออกในเด็กลักษณะนี้ร่วมกับอาการซึม ตัวเย็น มือเท้าเย็น หรือชีพจรเบา ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
วิธีดูแลเด็กเมื่อต้องสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก
- ห้ามให้ยาจำพวกแอสไพรินหรือยาลดไข้ที่มีฤทธิ์กัดกระเพาะ
- ให้เด็กดื่มน้ำเกลือแร่หรือน้ำเปล่าบ่อย ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- เช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำธรรมดา ไม่ใช้น้ำเย็นจัด
ติดตามอุณหภูมิของร่างกายอย่างใกล้ชิด และหากมีอาการเข้าเกณฑ์ควรรีบพบแพทย์
อาการไข้เลือดออกในเด็กมักเริ่มจากอาการทั่วไปที่ดูเหมือนไข้ธรรมดา แต่สามารถพัฒนาเป็นอาการรุนแรงได้ในเวลาอันสั้น การรู้เท่าทันและเฝ้าสังเกตสัญญาณอันตรายทั้ง 5 ข้อข้างต้นจะช่วยให้พ่อแม่สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและทันเวลา ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตลูกน้อยได้
อย่าลืมว่า “ยุงลายตัวเล็ก อันตรายใหญ่” การป้องกันยังเป็นหัวใจสำคัญ ควบคู่ไปกับการสังเกตอาการไข้เลือดออกในเด็กอย่างใกล้ชิดในช่วงที่มีการระบาด
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » สังคม-สตรี
ข่าวในหมวดสังคม-สตรี ![]()
“JAS-PA” จัดกิจกรรม 'ขอขยะแลกข.ไข่' ครั้งที่ 3 มอบขยะรีไซเคิลมากกว่าหนึ่งหมื่นชิ้นส่งต่อ “วัดจากแดง” 18:35 น.
- สกพอ. รับคณะ ผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 2 (Young 2) เปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนา พื้นที่อีอีซี 13:04 น.
- มรภ.วไลยอลงกรณ์ จัดยิ่งใหญ่ VRU SHOWCASE x VRU SUSTAINABILITY 2025 18:28 น.
- CU Innovation Hub จัดงาน CU Innovation & IP Expo 2025 13:23 น.
- GFCS เปิดตัวโลโก้ใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Beyond Cash” ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม มุ่งสู่อนาคตด้วยโซลูชั่นอัจฉริยะ 15:47 น.