#​สายลมแห่งสัตหีบและพัทยา ไม่ได้พัดพาเพียงแค่ไอทะเล แต่กำลังพัดพา "ประวัติศาสตร์หน้าใหม่" ให้หวนกลับมาจารึกในหัวใจคนไทยอีกครั้ง

​ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (พ.ศ. 2568) ที่ประเทศ​ไทยเป็นเจ้าภาพ ภาพที่ตราตรึงใจพสกนิกรและสื่อมวลชนทั่วโลกไม่ใช่เพียงชัยชนะของนักกีฬาคนใดคนหนึ่ง แต่คือพระจริยวัตรอันงดงามและเข้มแข็งของ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ที่ทรงเข้าร่วมการแข่งขันในฐานะ "นักกีฬาทีมชาติไทย" อย่างเต็มภาคภูมิ

#​รอยต่อแห่งกาลเวลา: จากปี 2510 สู่ 2568

​ย้อนกลับไปเมื่อ 58 ปีก่อน ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง (SEAP Games) ครั้งที่ 4 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2510 ภาพจำที่คนไทยไม่เคยลืมเลือนคือภาพของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ทรงบังคับเรือใบประเภท โอ.เค. ที่ทรงต่อขึ้นด้วยพระองค์เอง ชื่อ "มด" เข้าเส้นชัย ณ อ่าวพัทยา

​ครั้งนั้น พระองค์ทรงแสดงพระปรีชาสามารถเอาชนะคู่แข่งและคว้าเหรียญทอง ร่วมกับทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี จนวันที่ 16 ธันวาคม ได้กลายมาเป็น "วันกีฬาแห่งชาติ" เพื่อเทิดพระเกียรติ "กษัตริย์นักกีฬา" ผู้ทรงเป็นแบบอย่างแห่งความวิริยะอุตสาหะ

​

กาลเวลาหมุนเวียนมาบรรจบที่ "ซีเกมส์ 2025" ประวัติศาสตร์บทใหม่ได้ถูกเขียนขึ้น เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงสืบสานพระราชปณิธาน ทรงเปลี่ยนบทบาทจาก "คู่พระบารมี" มาเป็น "นักกีฬา" ลงสนามสู้ศึกแห่งศักดิ์ศรีในน่านน้ำไทย

​วินัยแห่งราชินี: เบื้องหลังชัยชนะคือหยาดเหงื่อ

​การเข้าร่วมแข่งขันในประเภทเรือใบ (Keelboat) รุ่น SSL47 ของพระองค์ มิใช่เพียงพิธีการ แต่คือผลลัพธ์ของการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง ดังที่ปรากฏให้เห็นจากการที่ทรงร่วมแข่งขันในรายการระดับโลกอย่าง ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 37 ซึ่งพระองค์ทรงนำทีมเรือใบ "วายุ" (Vayu) ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างความฮือฮาให้กับวงการเรือใบโลก

​ในซีเกมส์ครั้งที่​ 33​ นี้ พระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึง "สปิริตนักกีฬา" อย่างแท้จริง:

#​ความแข็งแกร่ง: ทรงทำหน้าที่บนเรือร่วมกับลูกเรือทีมชาติไทยอย่างไม่ถือพระองค์

#​กลยุทธ์: การอ่านทิศทางลมและการตัดสินใจที่เฉียบขาดท่ามกลางคลื่นลมแรง สะท้อนถึงพระปรีชาสามารถและการเตรียมพระวรกายมาอย่างดีเยี่ยม

#​ความเป็นผู้นำ: ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจที่ทำให้ทีมเรือใบไทยมีความมุ่งมั่นและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

#​มากกว่าเหรียญรางวัล คือแรงบันดาลใจ

​การที่พระราชินีของแผ่นดินทรงสวมชุดนักกีฬา ลงแข่งขันท่ามกลางแสงแดดและเกลียวคลื่น เคียงบ่าเคียงไหล่กับสามัญชน เป็นภาพสะท้อนที่ทรงพลังยิ่งกว่าคำสอนใดๆ

​พระองค์กำลังทรงบอกเล่าเรื่องราวของ "ความมีวินัย"(Discipline)และ "น้ำใจนักกีฬา" (Sportsmanship) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่รัชกาลที่ 9 เคยทรงวางรากฐานไว้ การทรงกีฬาของพระองค์จึงไม่ใช่เพียงเพื่อชัยชนะส่วนพระองค์ แต่เพื่อกระตุ้นให้คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพ รักการออกกำลังกาย และมีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค

​บทสรุปแห่งหน้าประวัติศาสตร์ ณ ห้วงเวลานี้ ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร สิ่งที่ประจักษ์ชัดแล้วคือ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้ทรงชนะใจคนไทยทั้งชาติ พระองค์มิได้ทรงเป็นเพียงมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย แต่ทรงเป็น "ต้นแบบแห่งความเพียร" ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า พระเกียรติยศสูงสุดไม่ได้มาจากการประทับอยู่บนหอคอยงาช้าง แต่มาจากการลงมือทำด้วยหยาดเหงื่อและความตั้งใจจริง

​ธงไตรรงค์ที่โบกสะบัดเหนือเสาเรือใบในซีเกมส์ครั้งนี้ จึงดูสง่างามยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เพราะเบื้องล่างธงนั้น คือ "หัวใจนักสู้" ของราชินีผู้สืบสานตำนานแห่งกษัตริย์นักกีฬาไทย

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ​

ข้าพเจ้านายวีระพงษ์​ บริสุทธิ์​สุข​กมล บรรณาธิการ​ข่าวกีฬา​บ้านเมือง​(ผู้เขียน)