วันอาทิตย์ ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2568 22:34 น.

กีฬา

“ก้องศักด” สุดปลื้ม ไทยครองเจ้าเหรียญทองซีเกมส์ สมัยที่ 14 ทุบสถิติเหรียญทองสูงสุดตลอดกาล

วันเสาร์ ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 20.57 น.

การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ปิดฉากลงด้วยความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทย หลังคว้ารวม 233 เหรียญทอง 154 เหรียญเงิน และ 112 เหรียญทองแดง ครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองเป็นสมัยที่ 14 พร้อมสร้างสถิติใหม่ คว้าเหรียญทองมากที่สุดในประวัติศาสตร์ซีเกมส์ ทำลายสถิติเดิมของประเทศเวียดนาม ที่เคยทำไว้ 205 เหรียญทอง ในซีเกมส์ ครั้งที่ 31 เมื่อปี 2021 (จัดแข่งขันในปี 2022)

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลงานของนักกีฬาไทยเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ หลายชนิดกีฬาทำผลงานได้ตามเป้าและเกินเป้า ขณะที่บางชนิดกีฬาอาจทำผลงานต่ำกว่าเป้า ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ พร้อมขอบคุณสมาคมกีฬา ผู้ฝึกสอน และนักกีฬาทุกคน ที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ จนทำให้การเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

“บางสมาคมอาจได้เหรียญไม่มากนัก แต่สามารถทำสถิติผลงานได้ดีขึ้น บางชนิดกีฬามีนักกีฬาดาวรุ่งเกิดขึ้นใหม่ ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดได้ในอนาคต เรื่องเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่น่าพอใจ เพราะการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาในระยะยาว มีความสำคัญไม่แพ้จำนวนเหรียญรางวัล” ดร.ก้องศักด กล่าว

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ไทยคว้าเหรียญทองมากที่สุดในประวัติศาสตร์ซีเกมส์ครั้งนี้ มาจากการบรรจุชนิดกีฬาสากลเป็นหลัก ซึ่งนักกีฬาไทยมีศักยภาพและความได้เปรียบในระดับอาเซียนมาอย่างต่อเนื่อง จากผลงานในมหกรรมกีฬานานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นเอเชียนเกมส์ หรือโอลิมปิกเกมส์ รวมถึงการที่ซีเกมส์ครั้งนี้มีชนิดกีฬาและจำนวนรายการชิงเหรียญมากที่สุด

ทั้งนี้ ดร.ก้องศักด แสดงความเชื่อมั่นว่า สถิติเหรียญทองที่ประเทศไทยทำไว้ในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จะยังไม่ถูกทำลายได้โดยง่าย อย่างน้อยในอีกสองครั้งถัดไป ได้แก่ ซีเกมส์ 2027 ที่ประเทศมาเลเซีย และซีเกมส์ 2029 ที่ประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากชนิดกีฬาและจำนวนเหรียญชิงชัยจะไม่มากเท่าครั้งนี้

หน้าแรก » กีฬา