วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568 02:43 น.

อาชญากรรม » คอลัมน์

คนจร

ลบเหลี่ยมลูบคม : วันพฤหัสบดี ที่ 07 ธันวาคม พ.ศ. 2560, 16.25 น.

“สืบสวนสอบสวนในคนเดียวกัน????”

 
สองสามวันก่อนคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสารกับสังคม ในคณะกรรมการปฏฺิรูปกระบวนการยุติธรรม(ตำรวจ) ได้แถลงแนวทางการปฏิรูปตำรวจโดยให้แยกภารกิจด้านงานสอบสวนออกมาให้ชัดเจนตามข้อสั่งการของทั่นผู้นำ และมีมติให้กำหนดโครงสร้างตำแหน่งพนักงานสอบสวนจาก 3 หลักใหญ่ๆ นั้น ค่อนข้างเห็นด้วย แต่แคลงใจในเนื้อหาที่ว่า “งานสืบสวนสอบสวน”รวมกัน เป็นพนักงานสืบสวน และสอบสวนในตัวคนเดียวกันนั้น ในการทำงานจริงยุคปัจจุบันเป็นไปได้แน่หรือ.......
 เคยมีการพูดคุยมานานแล้วว่า นักสืบโดยขอพูดเฉพาะชั้นสัญญาบัตร คือพวกนายร้อยขึ้นไปควรจะต้องผ่านงานสอบสวนมาไม่ต่ำกว่าสองปี บางคนถึงขั้นคิดว่านักสืบควรต้องผ่านงานสอบสวนให้เชี่ยวพอสมควรถึงห้าปีด้วยซ้ำจึงจะมาเป็นนักสืบได้ เพราะงานสืบสวนหาได้สืบสวนเฉพาะคดีที่มีผู้คนมาแจ้งความไม่ หากแต่ต้องสืบสวนก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ แถมยังต้องสืบสวนความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหายเช่น การสืบสวนจับกุมยาเสพติด การพนัน อาวุธปืน ฯลฯ เมื่อนักสืบที่ผ่านงานสอบสวนมาแล้วก็จะมองทิศทางการจับกุม การรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดผู้ต้องหาได้ครบถ้วน และมองเห็นแนวทางการต่อสู้คดีของผู้ต้องหาในชั้นศาลเพื่อปิดทางสู้ได้ดีกว่าผู้ที่ไม่เคยผ่านงานสอบสวน มีการกำหนดให้ผู้ที่จบจากนายร้อยตำรวจสามพรานและบุคคลภายนอก ภายในสายสอบสวน ต้องอยู่ในสายงานถึงสองปีเสียก่อนจึงจะย้ายสายงานได้ แต่ในความเป็นจริงพวกเทวดาที่มีเส้นมีสายก็หลบหนีเอาชื่อไปแปะไว้ตามสำนักงานต่างๆ ให้ครบเวลาก็ย้ายขาด นักสืบยุคหลังๆจึงไม่ค่อยรู้เรื่องงานสอบสวนมากมายนัก จึงเห็นข่าว จับคน ยึดของ มั่วๆ ออกจะหลายหน พนักงานสอบสวนจึงต้องหาหนทางแก้ไขให้หลายครั้ง เป็นที่มาของการค่อนขอดกันเองว่านักสืบอ่อนกฎหมาย และนักสอบเรื่องมาก เคยได้ยินการแหน็บแนมกรณีนักสืบบันทึกจับกุมผู้ต้องหาว่า”ร่วมกันปล้นทรัพย์” พนักงานสอบสวนก็เปรยว่า มันมีสองแก็งค์ร่วมกันปล้นหรืออย่างไร เพราะความผิดฐานปล้นทรัพย์ก็คือปล้นทรัพย์ ไม่มีคำว่าร่วมกัน ไม่ใช่ลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ที่กำหนดคำว่าร่วมกันไว้ ก็ทำให้หมางใจกันไป ในอดีตมือสืบสวนชั้นครูมักจะผ่านงานสอบสวนมาโชคโชนพอตัว ไม่ปล่อยไก่ง่ายๆ การจะเป็นนักสืบ วัดกันที่ใจ การทุ่มเท ความอึด และวัดที่จำนวนศพที่วิสามัญ แต่ในปัจจุบัน วัดกันที่ ใครรายงานเก่ง เช็คโทรศัพท์ได้หรือไม่ ทำไอทูเป็นไหม และทำพาวเวอร์พ้อยท์สวยงามเพียงใด แต่ขณะเดียวกันมือสอบสวนใช่ว่าทุกคนจะเป็นนักสืบได้ อึดพอไหม ใจถึงพึ่งได้หรือไม่ หรือกลัวไปเสียหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งในบ้านนี้เมืองนี้ นั่นก็คือหลายสิ่งหลายอย่างหากรอทำตามตัวอักษรทุกคำของกฎหมายเชื่อว่าคงจับใครไม่ได้เป็นแน่แท้ หลายคดีที่คลี่คลายทำให้สังคมยังเป็นสุขได้พอควรก็คือการจับกุมด้วยศักยภาพของความเป็นตำรวจ อะไรคือ”ศักยภาพของความเป็นตำรวจ” ตำรวจเท่านั้นที่จะเข้าใจ…
 พนักงานสืบสวน และสอบสวนในตัวคนเดียวกันนั้น ฝันมานานแต่จะทำให้เป็นจริงนั้นคงไม่ง่าย แล้วเห็นมีการกำหนดเส้นทางเติบโตของพนักงานสอบสวนไว้แต่ไม่พูดถึงว่านักสืบจะโตได้อย่างไรไว้เลย มันก็คงไม่เป็นธรรม หรือรอให้เกิดเรื่อง เกิดราวเสียก่อนแล้วค่อยแก้กันอีกที....เวรกรรม...เวรกรรม!!!!!
                                                                                  “คนจร”