วันเสาร์ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567 17:15 น.

อาชญากรรม » คอลัมน์

ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

รอง ป. : วันอังคาร ที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2563, 23.00 น.

"ไอ้ไข่" ก็เอาไม่อยู่... !!!

♦♦ รายงานตัววันนี้....คำสั่ง "บิ๊กอ๋อย"พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) ที่ให้ พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 (ผบก.ทท.3) ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.บช.ทท. โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิมตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.63 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง พร้อมตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน หลังจาก ผู้การฯกฤษศักดิ์ พร้อมคณะนั่ง ฮ.ตำรวจ ไปลงลานวัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เหมือนกระแสฟ้าฟาด! เพราะมีภาพปรากฎสื่อโซเชียล พร้อมการตั้งข้อสงสัยการใช้ ฮ.ตำรวจ บินไปวัดไอ้ไข่แก้บนด้วยประทัด 3 ล้านนัด จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใหญ่โต แม้ทั้งเพจวัดไอ้ไข่และเพจTourist Police Division3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 โพสต์ชี้แจงว่า "ผบก.ทท.3" ไปปฎิบัติราชการเกี่ยวกับมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็ยังไม่ลดละ โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง "ความเหมาะสม" รวมทั้ง "การใช้ ฮ.ตำรวจ" ที่สุ่มเสี่ยงอาจจะขัดกับระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ถูกงัดมาเปรียบเทียบเหตุผล ความจำเป็น ในการใช้ ฮ. ครั้งนี้ ๐
 
♦♦ โดยตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 47 ระเบียบเกี่ยวกับอากาศยาน พ.ศ.2556 สมัยที่ "บิ๊กอู๋"พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมัยดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เซ็นประกาศระเบียบดังกล่าวไว้ หัวข้อ "การพิจารณาใช้อากาศยานสนับสนุนทางอากาศด้วย" ระบุ การใช้อากาศยานทุกประเภท จะต้องพิจารณาไปในทางประหยัด และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ ทั้งนี้ เพราะอากาศยานและอุปกรณ์ต่าง ๆ ตลอดจนค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และหล่อลื่น และค่าซ่อมบำรุงรักษาอากาศยานสูงมาก ในการพิจารณาคำขอใช้อากาศยานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกกรณี ให้กองบินตำรวจพิจารณาด้วยความละเอียดรอบคอบ โดยคำนึงถึงภารกิจที่จะให้การสนับสนุน ประโยชน์และประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ความจำเป็นเร่งด่วน ความปลอดภัย ระยะทาง ความคุ้มค่า ตลอดจนคุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้ขอใช้อากาศยานเป็นสำคัญ และจะปฏิบัติภารกิจทุกครั้งได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติให้ใช้อากาศยานจากผู้มีอำนาจแล้วเท่านั้น...  เลยกลายเป็นประเด็นที่ถูกนำไปจับตาผลการสอบสวน "ผบก.ทท.3" ครั้งนี้ จะออกหมู่หรือจ่ากันแน่?
 
♦♦ ไฟสปอร์ตไลน์เลยสาดส่องไปที่  "บิ๊กอ๋อย"พล.ต.ท.เชษฐา ในฐานะผู้นำตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวภายใน 7 วัน หลังสั่งเด้ง "ผู้การฯกฤษศักดิ์" เข้าศปก.บช.ทท. เพราะทั้ง "บิ๊กอ๋อย" และ "ผู้การฯกฤษศักดิ์" เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ(นรต.38) รุ่นเดียวกันด้วย ที่สำคัญ นรต.38 ณ ปัจจุบันถือเป็นรุ่นที่กำลังได้รับการจับตาจะขึ้นมาผงาดอยู่ในระดับแถวหน้า "กรมปทุมวัน" ต่อจาก "นรต.36" รุ่นของ "บิ๊กแป๊ะ"พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เนื่องจากในปัจจุบัน นรต.38 อยู่หัวแถวสีกากีกันพึบพั่บ ไล่เรียงตั้งแต่ "บิ๊กนู"พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผบ.ตร. "บิ๊กเด่น"พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. "บิ๊กเบิ้ม"พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้นผลสอบออกมาอย่างไร "บิ๊กต๋อย"คงจะเก็บเงียบๆ แบบปล่อยผ่าน พอวันเวลาล่วงเลยก็ส่งเพื่อนกลับไปนั่งเก้าอี้เดิมคงจะไม่ได้ หากไม่ชี้แจงแถลงไขมีคำตอบ มีคำอธิบาย ให้ชาวบ้านผู้เสียภาษีคลายสงสัย คลายคล่องใจ "บิ๊กอ๋อย" จะกลายเป็นขว้างงูไม่พ้นคอ
 
♦♦ ปิดท้ายข่าวดีๆ "ผบ.แป๊ะ" มีบันทึกข้อความถึง ผบช.หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ผู้บังคับการ (ผบก.) ในสังกัด สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (สง.ผบ.ตร.) หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า เรื่อง นโยบายการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ข้าราชการตำรวจ เนื้อหาตอนหนึ่งระบุ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและแบ่งเบาภาระทางด้านการเงินให้แก่ตำรวจและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ จึงให้ ผบช.สั่งการเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด้านการเงิน ดำเนินการตรวจสอบข้าราชการตำรวจในสังกัดที่มียอดเงินเดือนคงเหลือต่ำกว่า 5,000 บาท ตามเงื่อนไข 1.กำหนดมาตรการในการให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนทางด้านการเงินแก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัว เช่น จัดหาอาชีพเสริมให้ข้าราชการตำรวจและครอบครัวให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบันเพื่อเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายในครัวเรือน ซึ่งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น จัดโครงการอาหารกลางวันให้กับข้าราชการตำรวจ จัดโครงการตู้ปันสุข เป็นต้น ภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ๐ สวัสดี
 
                                                                                         รอง ป.