การเมือง
"แพทองธาร" ยันจับมืออาเซียนเพิ่มพลังต่อรอง สู้ศึกภาษีสหรัฐฯ ลั่น "มูดีส์" ลดความน่าเชื่อถือเพียงมุมมอง
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาพิเศษภารกิจพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ขอให้ประชาชนมั่นใจพร้อมจับมืออาเซียนเพิ่มอำนาจต่อรองผ่านมรสุมกำแพงภาษีสหรัฐฯได้ แจง "มูดีส์" ลดระดับความเชื่อถือรัฐบาลไทยเพียงมุมมอง ย้ำเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ไม่เท่ากับกาสิโน
เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ที่โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย (ชั้น 10) ถนนราชดำริ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "ภารกิจพลิกฟื้นเศรษฐกิจ : Mission Thailand" ในงาน TNN DINNER TALK ที่สถานีโทรทัศน์TNN จัดขึ้น โดยมีนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ รอให้การต้อนรับ
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า โลกเราเปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่อยากให้ประชาชนมั่นใจ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจต่างๆทั้งไทยและรอบโลก รัฐบาลรับรู้การเปลี่ยนแปลง และรับรู้ถึงปัญหาอุปสรรค และไม่พลาดที่จะมองเรื่องโอกาส แนวทางการแก้ไขปัญหา และการรับมือต่างๆ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เรื่องการขึ้นภาษีสหรัฐฯ ทุกประเทศทั่วโลกเป็นห่วงเรื่องนี้ เราจะรับมืออย่างไร ใช้ความสัมพันธ์ที่มีทำสร้างคอนเนคชั่นหรือการเจรจาอย่างไรได้บ้าง ซึ่งยืนยันว่า มีการพูดคุยกันอย่างเรื่อง กำแพงภาษีสหรัฐอเมริกาเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้สึกเป็นห่วง เรามีการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการอยู่เสมอ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสามารถพูดเพิ่มเพิ่มเติมในเรื่องนี้ได้
ส่วนจะเป็นเรื่องการดีลลับหรือเรื่องอะไรก็ตามสหรัฐอเมริกานั้น มีคนมาดีลในเรื่องนี้ และหลายประเทศเอง คงไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะทำอะไรบ้าง เพราะการคุยและการตกลงกันเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เรามีการพยายามที่จะเจรจาต่อรองในประเทศทั้งของเราเองและจับกลุ่มในประเทศอาเซียนเพื่อให้การเจรจามีความเข้มแข็งและมีอำนาจในการต่อรองมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำงานอย่างสองทางอย่างเข้มข้นและไม่ได้ปล่อยมือไปไหน
จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่า เรามีทีมที่เก่งทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมมือให้คำปรึกษากันเพื่อให้การเจรจาต่อรองเกิดผลมากที่สุดและกระทบกับประเทศไทยน้อยที่สุด เพราะฉะนั้น เศรษฐกิจที่มั่นคง ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชนเป็นเป้าหมายหลักที่สำคัญที่สุดของรัฐบาล พร้อมขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างจริงจังและมองหาแนวทางต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับประเทศไทยต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีบริษัท มูดี้ส์ เรทติ้งส์ ได้ปรับลด Outlook ของไทย จาก Stable เป็น Negative เรื่องนี้ไม่ใช่การให้คะแนนหรือให้เรตติ้ง แต่เป็นมุมมองของมูดี้ส์ ที่มองว่า การเติบโตหรือศักยภาพการพัฒนาเศรษฐกิจลดน้อยลงอยู่ใน Negative ไม่ได้แปลว่า ไทยขาดความเชื่อมั่นแล้ว ซึ่งปัจจัยที่ทางมูดี์ส์วัดคือ การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก และหลายๆประเทศ ก็ถูกปรับลด Outlook เป็น Negative เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงการคลังเฝ้าดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ มูดี้ย์ มองว่า เศรษฐกิจไทยอ่อนแอหรือไม่ ศักยภาพเติบโตมีมากน้อยแค่ไหน เมื่อมีกำแพงภาษีสหรัฐฯ ส่งผลให้นโยบายของเราปั่นป่วนมากน้อยแค่ไหน รวมถึงเขามองถึงภาษีหนี้ต่อเนื่อง ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นอุปสรรคทำให้การทำนโยบายหรือขับเคลื่อนเศรษฐกิจยากขึ้นหรือไม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่เราต้องทำออย่างแรกคือ เราต้องไม่ทำให้เขากังวล เตรียมการทางเศรษฐกิจให้ผ่านมรสุมไปให้ได้ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นในเรื่องกำแพงภาษี ขณะเดียวกันต้องมองอนาคต มุ่งการหาเงินเข้าประเทศที่เกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมในอนาคตที่เราลงทุนไปแล้วหรือรับคนลงทุนเข้ามาแล้วทั้ง Data Center /semi connector ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้ที่เข้ามาเป็นสิ่งสำคัญว่าจะทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนและเติบโต จึงต้องทำให้มั่นใจว่าการที่ GDP เติบโตขึ้น 3-4% อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าปีนี้หายไป ปีหน้าขึ้นมา ต้องดูที่ความเติบโตอย่างต่อเนื่อง ต้องทำให้เต็มที่และสิ่งที่ต้องทำต่อ คือการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการลงทุนต่างๆ เมื่อสนับสนุนการลงทุนใหม่ๆบริษัทต่างชาติก็ต้องมาจดทะเบียนการลงทุน ก็จะเกิดการลงทุนที่เข้ามา และเกิดการชักชวนให้นักลงทุนรายอื่นๆเข้ามาเช่นกัน ซึ่งรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา
ขณะที่ภาครัฐก็ต้องเร่งเรื่องของการลงทุน ซึ่งถือว่า เร่งการลงทุนตลอดปี 2567 มากที่สุด ในรอบ 10 ปี โดยที่ 72% เป็นการลงทุนจากภาครัฐ เพื่อให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งก็ทำอย่างเต็มที่และได้ผลทุกกระทรวงที่ได้รับงบมาเกิดการจ้างงานเกิดขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลเริ่มทำเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้สิ่งที่ประเทศไทยต้องทำเพิ่มเติมและสนับสนุนต่อ คือ การวิจัย และ การศึกษาให้มากยิ่งขึ้นต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้นทั้งในเรื่องการประมงภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตรทุกอย่างต้องลงทุนเรื่องการวิจัยให้มากยิ่งขึ้น ข้อสุดท้ายที่ต้องทำคือการพัฒนาศักยภาพของคนซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญ
สำหรับประเทศไทยทุกคนอาจจะทราบว่าในปี 2567 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเติบโตช้า GDP ทั้งปีอยู่ที่ 2.5% แต่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายตัวเลขขยับขึ้นเป็น 3.2% แสดงให้เห็นว่าการเร่งเครื่องทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเกิดผลต่อไป แม้ว่าจะมีอุปสรรคผ่านเข้ามาทั้งแผ่นดินไหว และกำแพงภาษี แต่รัฐบาลก็พยายามหาทางออกและพูดคุยกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชนเพื่อหาคำตอบที่เป็นประโยชน์จริงๆ เพราะตนเชื่อเสมอว่า ภาครัฐหลายส่วนหลายมุมเราไม่รู้วิธีทำแต่เราสามารถเป็นผู้สนับสนุนให้เอกชนได้ เพื่อที่จะได้ทำงานร่วมกันกับภาครัฐ อย่างเรื่องกำแพงภาษี เอกชนที่ลงทุนในสหรัฐมีอะไรบ้าง แล้วรัฐสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เราคงจะต้องสนับสนุนในเรื่องเหล่านี้ต่อไป เพราะที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้มีนโยบายโดยตรงเพื่อที่จะช่วยให้นักลงทุนคนไทยไปลงทุนต่างประเทศ จึงอยากมุ่งเน้นเรื่องเหล่านี้ให้มากขึ้น เพื่อให้เอกชนนั้นเกิดความมั่นใจและเกิดศักยภาพที่ดีขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลนี้มีมาตรการทางระยะสั้น, กลาง และยาว ในระยะสั้นรัฐบาลก็มีมาตรการปลดล็อคหนี้สินรถกระบะ ซึ่งมาตรการระยะสั้นถือเป็นตัวแปรสำคัญในการผลักดันจีดีพีประเทศไทยให้สูงขึ้น และการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย สร้างโอกาสและการหากิน ถือเป็นการต่อลมหายใจให้ธุรกิจรายเล็กสามารถดำรงอยู่ต่อได้
ในขณะที่มาตรการระยะกลาง และยาว เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ที่ต้องการเชื่อมโยงประเทศไทยกับโลกเข้าหากัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะสามารถต่อยอดให้กับภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร ภาคการท่องเที่ยว และในอีกหลาย ๆ ด้าน เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟรถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ รวมถึงโครงการแลนด์บริจด์ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ ซึ่งจะสามารถเปิดประตูให้ประเทศมีรายได้ เปิดประตูให้กับนักลงทุนได้มาก
นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยี หรือ ดิจิทัล รวมไปถึงการเป็นศูนย์กลางทางการบิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว และนักลงทุน และยังมีการพัฒนาความสามารถของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง เช่นโครงการหนึ่งทุนอย่างอำเภอ หรือ ODOS เพื่อเตรียมพร้อมสู่อนาคต
สำหรับการดึงดูดการลงทุนรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่อง Crow first policy ซึ่งจะเป็นการดึงดูดการลงทุนในการสร้าง Data Center และ Crow Service ที่รัฐบาลลงทุนถึง 2.4 แสนล้านบาท เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้เข้ามาเกิดการจ้างงานใหม่ ๆ และทักษะใหม่ ๆ ให้กับคนของเรา
พร้อมกันนี้ก็จะมีการสนับสนุนด้านการค้า การลงทุน และภาคการผลิต ทั้งเรื่องการเกษตร, อาหาร หรือการบริการ ซึ่งถือเป็นจุดแข็ง ตัวอย่างเช่น ประเทศจีนที่ได้ทำการเกษตร แต่ว่าพื้นที่ทางการเกษตรไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนในประเทศ ซึ่งจะถือเป็นโอกาสของไทยที่จะสามารถส่งออกการเกษตรออกไปได้ เพราะฉะนั้นการทำวิจัยตาม ๆ เพื่อพัฒนาโปรดักส์ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เช่น ทุเรียน ที่หลายประเทศก็เริ่มผลิตแล้ว หรือข้าว ก็มีหลายประเทศที่เริ่มผลิตข้าวรับประทาน และส่งออก จึงถือเป็นคู่แข่ง และคู่แข่งก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไทยไม่พัฒนาสินค้าเกษตรก็เท่ากับว่า จะอยู่ที่เดิม จนถูกเพื่อนบ้านวิ่งแซง
นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีจุดแข็งในเรื่องของการท่องเที่ยว ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ซึ่งรัฐบาลได้เพิ่มวีซาฟรี ที่ให้นักท่องเที่ยวอยู่ในประเทศไทยได้นานมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้จับมือร่วมกับอาเซียน Six Countries one destinations หรือ หกประเทศ หนึ่งจุดหมายปลายทาง ที่สามารถนำวีซา เข้าประเทศในอาเซียนได้ เพื่อเป็นการจับกลุ่ม และอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามเรื่องของการท่องเที่ยวจะมีทางตัน เช่น จะมีช่วงไฮซีซั่น และโลซีซั่น อยู่ตลอด
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง เรื่องของเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ หรือสถานบันเทิงครบวงจร ว่า เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ไม่เท่ากับกาสิโน เพราะกาสิโนมีไม่ถึง 10 % ของพื้นที่ในเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ แต่คนได้ยินแต่คำว่า กาสิโน ไม่ได้ยินคำว่า เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งไม่แปลกใจเพราะมันเป็นเรื่องของการบิดเบือนไปในทางการเมืองว่า เราจะมีนโยบายที่เกิดประโยชน์ให้กับประเทศอย่างไรบ้าง เป็นเกมการเมือง แต่เรามาทำการเมืองเชิงสร้างสรรค์ ว่า ถ้าสร้างเอ็นซ์เตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ประเทศไทยได้อะไรบ้าง อย่างแรกประเทศไทยไม่ได้เสียอะไรเพราะรัฐไม่ได้ลงทุน แต่เป็นเอกชนเข้ามาลงทุน หรือต่างชาติเข้ามาลงทุน รัฐบาลก็เก็บภาษีต่างชาติได้
ส่วนที่บอกว่ าสร้างเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์แต่ไม่ต้องมีกาสิโน ขอให้ทุกคนนึกภาพเราสร้างสเตเดี่ยม แบบอินดอร์ซึ่งแบบเอ้าท์ดอร์เรามีอยู่แล้วเพื่อนำมาจัดคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ซึ่งเรายังไม่มีสเตเดียมแบบในร่มเพื่อให้เหมาะกับอากาศประเทศไทย หากเราลงทุนเป็นหมื่นเป็นพันล้าน ต้องขายตั๋วเท่าไหร่ถึงจะคุ้มทุน พอกับค่าก่อสร้างทั้งหมด อย่างเรื่องของกาสิโน เราสามารถใช้เงินในส่วนนี้มารองรับการก่อสร้างได้ มากไปกว่านั้นเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์จะมี พื้นที่ในการจัดคอนเสิร์ต มีพื้นที่สำหรับครอบครัว ถ้ามีเด็กเด็กเราก็พาไปที่สวนน้ำไปดูคอนเสิร์ตไปทำกิจกรรมต่างๆที่มีมากมายในนั้นเป็นสิ่งที่สามารถได้ใช้เวลาครอบครัวได้อย่างมีความสุขมีรีสอร์ท มีโรงแรม เราสามารถฝันได้ เวลาเราไปต่างประเทศ ก็จะมีคำถามว่าทำไมต่างประเทศถึงสวย มีพิพิธภัณฑ์ต่างๆที่สวยงาม ถ้าเรามีเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เราสามารถมีพิพิธภัณฑ์ที่โชว์วัฒนธรรมของเราได้ เราสามารถฝันได้เลยว่าหากเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์เกิดขึ้นมันจะสร้างรายได้อย่างมากมายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงาน จ้างอาชีพใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ที่สำคัญเราจะสามารถฝันได้ว่า ที่เราเห็นที่เมืองนอกมันจะเกิดขึ้นในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นการจัดงานคอนเสิร์ตหรืออีเวนท์ต่างๆ
นายกรัฐมนตรี ยังยกตัวอย่างที่ประเทศญี่ปุ่น ที่สร้างเกาะขึ้นมาในเมืองโอซาก้าจัดเวิลด์เอ็กซ์โปร ซึ่งหลังจากจบงาน ก็จะมีการเคลียร์พื้นที่จัดทำเป็นเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งประกาศออกมาในปี 2025 เสร็จในปี 2030 หากประเทศไทยทำเช่นนี้จะไม่มีโลว์ซีซั่นหรือไฮซีซั่น ตนเคยทำธุรกิจมาก่อน ช่วงโลว์ซีซั่นเป็นอย่างไรกว่าจะขายห้องได้
ส่วนที่มีความเป็นห่วงในเรื่องของการพนัน ที่ถูกมอมเมาจากการพนันนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เรามีกฎหมายที่จะรองรับเรื่องเหล่านี้ บางคนบอกว่าประเทศไทยกฎหมายไม่จริงจัง กฎหมายเบาไป เราก็จะกำกับดูแล 2 ทาง หากมีใครทำผิดกฎหมายนำเงินเข้ามาฟอกเราจะมีการดำเนินคดี และผู้ที่ทำผิดก็จะถูกกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศของตัวเองด้วย เราจึงจะต้องมีการประสานงานกันว่าให้ถูกดำเนินคดีทั้งในประเทศเราและประเทศเขา
ขณะเดียวกันมีการกำหนดในเรื่องของทรัพย์สินบุคคลที่จะเข้าไปเล่นกาสิโน พร้อมกับย้ำว่า ไม่ใช่ใครก็สามารถเข้าไปเล่นได้ แล้วได้แจ๊กพ็อตได้เงิน 30 ล้านบาทกลับไป จะมีการตรวจสอบประวัติทั้งชาวต่างชาติและคนไทย
นอกจากนี้ในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์เราได้สนับสนุนที่จะให้ประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์เช่นเดียวกัน ซึ่งทราบว่าอุตสาหกรรมนี้เผชิญกับความไม่แน่นอนเช่นกัน จึงมีนโยบายที่จะเปลี่ยนให้เป็นไฮบริดอยู่ในรถรถไฟฟ้าอีวีซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลสนับสนุนให้เปลี่ยนผ่านต่อไป
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- "อนุทิน" นำผู้บริหาร มท. ถวายภัตตาหารเพลแด่ 'พระราชวัชรสุทธิวงศ์ (เจ้าคุณอารยวังโส)' ในโอกาสปาฐกถาธรรมสร้างแรงบันดาลใจส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม 1 พ.ค. 2568
- วันแรงงานแห่งชาติ! นายกฯไม่ตอบขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท 1 พ.ค. 2568
- "นายกฯ แพทองธาร" เปิด "โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ อสม.มั่นคง สาธารณสุขเข้มแข็ง เพื่อคนไทยห่างไกล NCDs" 1 พ.ค. 2568
- "แพทองธาร" นำทีมประชุมบอร์ด AI แห่งชาติครั้งแรก หนุนพัฒนาบุคลากร-เทคโนโลยีทั่วประเทศ 1 พ.ค. 2568
- เครือข่ายแรงงานบุกทำเนียบฯ จี้ปรับค่าแรง 492 บาททั่วประเทศ คัดค้านกาสิโน-ล้มทุนผูกขาด ปชน. ร่วมแจม 1 พ.ค. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
"ไทยภักดี"ประชุมใหญ่สามัญปี 2568 "หมอวรงค์" ชูธงนำ ปราบโกงต้องเพิ่มโทษประหาร 18:39 น.
- "ประเสริฐ" ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ "สุรินทร์" กำชับทุกหน่วยเตรียมพร้อมรับมือฝนทิ้งช่วง ลดผลกระทบต่อประชาชน 18:35 น.
- “ประมวล” เช็คกรมศุลทันที! หลังชาวบ้านสับสนพบรถบรรทุกน้ำมันปาล์มที่ท่าเรือบางสะพานเผยเป็นการส่งออกไปอินเดีย ไม่ใช่นำเข้าให้กระทบราคา 17:35 น.
- "รทสช." ปลื้ม สส.ลงพื้นที่ได้กำลังใจล้นหลาม ชาวบ้านแห่ชม "พีระพันธุ์" ลดค่าไฟต่อเนื่อง ผ่อนคลายค่าครองชีพ ลดความเดือดร้อนครัวเรือน 16:52 น.
- "ทักษิณ" เดินหน้าจัดองคาพยพ ดันสันติสุขชายแดนใต้ ลั่นปีนี้ต้องเห็นผล 15:29 น.