วันอาทิตย์ ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2568 15:40 น.

การเมือง

กมธ.พัฒนาสังคมฯ วุฒิสภา ประชุมทวิภาคีกับสำนักงานเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ (UNDRR) ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส

วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 09.56 น.

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ ห้องประชุมสำนักงานคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และความหลากหลายทางสังคม วุฒิสภา นำโดย นางวราภัสร์ ไพพรรณรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการ ได้ประชุมหารือทวิภาคีร่วมกับ Ms. Paola Albrito ผู้อำนวยการสำนักงานเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office for Disaster Risk Reduction : UNDRR) และ Mr. Marco Toscano-Rivalta หัวหน้า UNDRR สำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (UNDRR Regional Office for Asia and the Pacific : ROAP) รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตร ได้แก่ Mr. Sujit Kumar Mohanty, Ms. Sarah Wade-Apicella และ Mr. Nicholas Joseph Ramos เพื่อหารือแนวทางเสริมสร้างความร่วมมือด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยของประชาชนอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง

UNDRR ได้นำเสนอกรอบเซนได (Sendai Framework) ซึ่งเป็นกรอบยุทธศาสตร์หลักในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทั่วโลก และเป็นเครื่องมือสำคัญของ UNDRR ที่มุ่งเน้น 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1. การสร้างความรู้และความตระหนักรู้แก่ประชาชน 2. การสนับสนุนการออกกฎหมายและนโยบายภาครัฐ 3. การประยุกต์ใช้กฎหมายให้เหมาะสมกับบริบทแต่ละพื้นที่ และ 4. การจัดการงบประมาณและการลงทุนเพื่อการป้องกันภัยพิบัติ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมื่อมีการวางแผนและลงทุนในการป้องกันที่ดี ความสูญเสียสามารถลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ และได้ชี้ให้เห็นว่า การลงทุน 1 ดอลลาร์ในด้านการป้องกันจะสามารถลดความเสียหายได้ถึง 15 เท่า อย่างไรก็ตาม UNDRR ยืนยันพันธกิจ การดำเนินงานโดยยึดหลัก “Leave No One Behind” หรือ หลักการ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเน้นว่าการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคมต้องได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษในการวางแผนและดำเนินนโยบายต่าง ๆ 

นอกจากนี้ UNDRR ได้ชื่นชมประเทศไทยที่มีความก้าวหน้าในการบรรจุประเด็นการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14 ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สะท้อนถึงการเชื่อมโยงนโยบายระดับชาติเข้ากับมาตรการการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในระดับสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันให้ประเด็นเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชนและความยั่งยืนในระยะยาว UNDRR ย้ำว่าพร้อมสนับสนุนประเทศไทยอย่างเต็มที่ทั้งในด้านองค์ความรู้ การฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการประสานความร่วมมือระดับภูมิภาค เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแสดงบทบาทนำในอาเซียนในด้านการจัดการภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง 

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้เห็นถึงความสำคัญของข้อมูลและข้อเสนอแนะจาก UNDRR ในการขับเคลื่อนนโยบายด้านภัยพิบัติ และให้ความสนใจต่อการประสานความร่วมมือระยะยาวร่วมกับ UNDRR โดยมุ่งหมายที่จะเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รับฟังเสียงของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน เพื่อพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนทั้งในระดับชุมชน ประเทศ และภูมิภาคอาเซียน ตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมาธิการต่อไป

หน้าแรก » การเมือง