วันอาทิตย์ ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2568 14:50 น.

การเมือง

รบ.-กต.ไม่นิ่งนอนใจสารหนูในแม่น้ำกก เร่งประสานเมียนมาแก้ไขโดยเร็ว

วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 13.29 น.

ผู้ช่วย รมต.กต.ยืนยัน กต.จัดสรรงบมีทิศทางพร้อมรับมือโลก-ปกป้องผลประโยชน์ชาติ - พร้อมย้ำ รบ.-กต.ไม่นิ่งนอนใจสารหนูในแม่น้ำกก เร่งประสานเมียนมาแก้ไขโดยเร็ว-หวังเมียนมาสงบสุข ร่วมขับเคลื่อน ศก.ภูมิภาค

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2868  นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงถึงการอภิปรายของฝ่ายค้าน ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2569 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี ได้เสนอต่อประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาในวาระแรก โดยยืนยันว่า กระทรวงการต่างประเทศ จัดทำคำของบประมาณฯ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล เพื่อรับมือกับสถานการณ์โลกที่ท้าทาย ทั้งภูมิรัฐศาสตร์ และภูมิเศรษฐศาสตร์ แม้โลกเปลี่ยน แต่การพิทักษ์ และส่งเสริมผลประโยชน์ของไทยต้องเหมือนเดิม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตอบสนองประโยชน์ประเทศและประชาชน และยึดกฎหมายระหว่างประเทศไม่เป็นคู่ขัดแย้ง แต่เป็นมิตรกับทุกประเทศ และดำเนินนโยบายอย่างสมดุล พร้อมสนับสนุนสันติภาพ และเป็นตัวเชื่อม หรือ Bridge Builder 

ส่วนความขัดแย้งในเมียนมาที่กระทบต่อประเทศไทยนั้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำจุดยืนประเทศไทยว่า อยากเห็นเมียนมากลับคืนสู่ความสงบ และพัฒนาภูมิภาคนี้ไปด้วยกัน และไทยไม่เลือกข้างใดข้างหนึ่ง และไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงของทุกกลุ่มในเมียนมา โดยสิ่งที่ไทยสามารถทำได้ คือ พยายามหาทางช่วยสนับสนุนให้ฝ่ายต่าง ๆ หันหน้ามาพูดคุยกันตามกระบวนการ Myanmar-led, Myanmar-owned คือ ฝ่ายต่างๆ ในเมียนมาจะต้องหาทางออกสำหรับอนาคตของประเทศกันเองเพื่อให้เกิดความสงบสุข การปรองดอง และเศรษฐกิจประเทศสามารถเดินหน้าได้อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ของไทย  

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยังย้ำซึ่งแนวทางดำเนินการกับเมียนมาทั้งการดำเนินการทางการทูตเชิงรุก และในระดับอาเซียน ซึ่งในระดับทวิภาคี กระทรวงมีงบประมาณ ที่จัดสรรไว้สำหรับการจัดประชุม เยือน และต้อนรับการเยือนทวิภาคี รวมถึงงบประมาณสำหรับสถานเอกอัครราชทูต เพื่อสื่อสารกับทางการเมียนมาในระดับต่าง ๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของไทย และในระดับพหุภาคี กระทรวงได้จัดสรรงบประมาณสำหรับการเข้าร่วม และการจัดประชุมพหุภาคี โดยไทยสนับสนุนบทบาทของอาเซียนและการดำเนินการของประธานอาเซียนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อ ควบคู่กับการปรึกษาหารืออย่างสม่ำเสมอกับประเทศต่างๆ นอกอาเซียนและหน่วยงาน UN ซึ่งที่ผ่านมา ไทยได้ผลักดันการหารือระหว่างเมียนมากับประเทศเพื่อนบ้านกันมาแล้ว 3 ครั้ง คือ ครั้งแรกระหว่างไทย-เมียนมา-อินเดีย ที่นิวเดลี ครั้งที่สอง ระหว่างไทย-เมียนมา-จีน-ลาว ที่เชียงใหม่ และครั้งที่ 3 ระหว่างเมียนมา-ไทย-จีน-ลาว-อินเดีย-บังกลาเทศ ที่กรุงเทพฯ โดยทุกประเทศที่เข้าร่วมชื่นชมบทบาทของไทย เพราะรัฐบาลเชื่อว่าการสร้างแพลตฟอร์มให้เมียนมาได้มีการริเริ่มพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ถึงแนวทางแก้ไขปัญหากับทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความร่วมมือพัฒนา จะนำไปสู่กระบวนสันติภาพได้ในอนาคต

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า รัฐบาล ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหามลพิษ หรือสารหนูแม่น้ำกก และแม่น้ำสาย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งรัดแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยติดต่อรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา เพื่อขอให้ฝ่ายเมียนมาดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว และจะมีการประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับประเทศ และพื้นที่โดยเร่งด่วนด้วย

ส่วนการช่วยเหลือมนุษยธรรมในเมียนมานั้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า ประเทศไทยดำเนินการโดยตลอดผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างด้านสาธารณสุขและการศึกษาบริเวณชายแดน และผลกระทบแผ่นดินไหว ที่รัฐบาลได้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยได้สนับสนุนภารกิจการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่เมียนมา โดยได้ส่งทีมเฉพาะกิจ ประกอบด้วย ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะภัยพิบัติ (Thailand EMT) ของกระทรวงสาธารณสุขและทีมช่วยเหลือของกองบัญชาการกองทัพไทย ไปปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เมืองมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยดำเนินการต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2568 จนถึงวันที่ 8 พฤษภาคม 2568

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ จึงยืนยันว่า การจัดสรรงบประมาณของกระทรวงต่างประเทศ ได้กำหนดทิศทางชัดเจน เป็นรูปธรรม ยึดตามแนวนโยบายและวิสัยทัศน์ของผู้นำรัฐบาล โดยกระทรวงการต่างประเทศ ใช้ประโยชน์จากกลไก และบุคลากรตามที่จัดสรรงบประมาณ เพื่อเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง
 

หน้าแรก » การเมือง