เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2569 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ฝ่ายไทย ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง โดยมีนางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และพลเอก มนัส จันดี เสนาธิการทหาร ร่วมแถลง

นายมาริษเปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศจัดการประชุมเจบีซี เนื่องจากไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน จึงต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ปะทะชายแดนลุกลามบานปลายจนกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเหตุปะทะเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เวลา 05.45 น. บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี กระทรวงการต่างประเทศรู้สึกไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และยืนยันว่าการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศอย่างเหมาะสม

“สถานการณ์ในปัจจุบันตามแนวชายแดนยังสงบเรียบร้อย ด่านทุกด่านเปิดทำการตามปกติ เราได้หารือกับกัมพูชาในหลายระดับ ทั้งการหารือทางโทรศัพท์กับนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา การพบกันระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม และการพบปะกันอีกครั้งที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม โดยได้รับการยืนยันร่วมกันว่าจะร่วมมือกันเพื่อลดความตึงเครียดและรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน” นายมาริษกล่าว

รัฐมนตรีต่างประเทศไทยระบุว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการใช้กลไกการเจรจาที่มีอยู่ 3 ระดับ ได้แก่ เจบีซี คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) เพื่อแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และป้องกันความตึงเครียดไม่ให้บานปลาย โดยในวันนี้ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเตรียมความพร้อมสำหรับการพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาในกรอบของเจบีซี ซึ่งคาดว่าจะสามารถประชุมได้ในเร็ววันนี้

ด้านนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไทยมีความพร้อมเต็มที่ในการจัดการประชุมเจบีซี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อกำหนดวันประชุม คาดว่าจะเกิดขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า และไม่เกินสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมย้ำว่า “ทั้งสองฝ่ายมีเจตนารมณ์ทางการเมืองชัดเจน ที่จะแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างสันติ ผ่านกลไกเจบีซี ซึ่งเป็นกลไกทางเทคนิคและกฎหมายในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนระยะยาว”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงโพสต์ของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่ระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกัมพูชา นายนิกรเดชตอบว่า โพสต์ดังกล่าวไม่มีผลทางกฎหมาย แต่ไทยขอให้สื่อมวลชนให้ข้อมูลที่สะท้อนข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านและรอบคอบ

สำหรับความกังวลหากเกิดเหตุรุนแรงขึ้น นายนิกรเดชย้ำว่า กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ฝ่ายทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยงานความมั่นคงมีแผนรับมืออยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่รุนแรงและอยู่ในแนวทางสันติ

สุดท้ายนายนิกรเดชยืนยันว่า กระทรวงการต่างประเทศและกองทัพมีจุดยืนร่วมกันในการแก้ปัญหาอย่างสันติ โดยกล่าวว่า “ฝ่ายทหารเองก็ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง เราทีมไทยแลนด์ยืนยันที่จะหาทางออกโดยสันติวิธี เพื่อความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา”