วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568 02:32 น.

การเมือง

"ฮุนมาเน็ต" โพสต์รูปใส่ชุดทหารเตรียมฟ้องศาลโลก ปมปราสาทตาเมือนธม ขู่ใช้กำลังติดอาวุธ หากมีการบุกรุก

วันจันทร์ ที่ 02 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 09.46 น.

เมื่อวันที่ 2  มิถุนายน 2568 พลเอก สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแณต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์ภาพในชุดเครื่องแบบทหารพร้อมข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Hun Manet” ระบุว่า หลังจากกลับจากภารกิจต่างประเทศ วันนี้ได้พบกับผู้นําทหารที่ชายแดน เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์จริงที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย

ตามที่ผมได้ระบุไว้แล้ว กัมพูชาจึงยืนหยัดเพื่อแก้ชายแดนอย่างสงบ ผ่านการใช้กลไกเทคนิคและกฎหมายระหว่างประเทศเป็นเป้าหมาย ในความรู้สึกนี้ ฉันได้สั่งให้คณะกรรมการชายแดนอเนกประสงค์ (JBC) กัมพูชา BC เตรียมประชุม JBC ฝั่งไทยทันที แก้ปัญหาชายแดน พร้อมเดินหน้าวัดเงื่อนไข วางเสาชายแดนระหว่างสองประเทศ และเตรียมพร้อมวาระประชุม JBC รับเรื่องตามันคม วัดตามันคม วัดตะกระบี่ และเขตมุมไบ ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)

เนื่องจากในครั้งล่าสุดสถานการณ์ร้อนขึ้นในมุมไบ วัดตะมานโกธม วัดตะมานโกธม ด้วยกิจกรรมที่ดําเนินอยู่ของกลุ่มหัวรุนแรงไม่กี่กลุ่ม ได้สร้างแรงบันดาลใจในการเคลื่อนไหวของชาตินิยมในสองประเทศ ซึ่งอาจนําไปสู่การเผชิญหน้าครั้งใหม่ในอนาคตอันใกล้ หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกัน เพื่อก้าวไปสู่ปณิธานเพื่อยุติการพัฒนาในพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวเหล่านี้ รวมถึงการวัดความเห็นชอบและสร้างเสาชายแดนในพื้นที่ที่ไม่เห็นด้วยอย่างสันติ โดยอิงตามกฎหมายทางเทคนิคและระหว่างประเทศ

ขอย้ำว่า แม้ว่ากัมพูชาจะพยายามแก้ไขพรมแดนอย่างสงบสุขตามกลไกเทคนิคและกฎหมายระหว่างประเทศ แต่กัมพูชายังคงรักษาสิทธิ์ในการปกป้องอาณาเขตของตนโดยทุกวิธี รวมถึงการใช้กําลังติดอาวุธในกรณีที่มีความพยายามที่จะบุกรุกอาณาเขตของกัมพูชาโดยใช้กองทัพบังคับ หลังจากกลับจากภารกิจต่างประเทศ วันนี้ฉันได้พบกับผู้นําทางทหารของเราประจําการที่ชายแดนเพื่อรับฟังรายงานของพวกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์จริงตามแนวชายแดนกัมพูชา – ประเทศไทย

ตามที่ได้ระบุไว้แล้ว กัมพูชายึดมั่นในการแก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติสุขผ่านกลไกทางเทคนิคและกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นรากฐานหลัก โดยในเรื่องนี้ ตนได้สั่งให้กัมพูชา – ประเทศไทย Joint Border Commission (JBC)

1. จัดประชุม JBC กับคู่ไทย ทันที เพื่อดําเนินงานสํารวจ ทําลาย และติดเครื่องหมายชายแดนระหว่างสองประเทศ

2. เตรียมบรรจุในวาระการประชุม JBC หัวข้อการนําประเด็น Ta Moan Thom Ta Moan Toch, วัด Ta Kro Bei และพื้นที่ Mombei ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)

เนื่องจากความจริงที่ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ ความตึงเครียดได้เพิ่มขึ้นในพื้นที่มอมเบย์, พื้นที่ตาหว่านท่อม และตาหว่านท่อมเนื่องจากมีการยั่วยุซ้ำ ๆ โดยกลุ่มหัวรุนแรงเล็ก ๆ ทําให้การเคลื่อนไหวของชาตินิยมในทั้งสองประเทศ ซึ่งอาจนําไปสู่การเผชิญหน้าอีกครั้งในอนาคต โดยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกัน เพื่อบรรลุมติขั้นสุดท้ายสําหรับพื้นที่ที่มีข้อพิพาทที่มีความละเอียดอ่อนเหล่านี้ รวมถึงการดําเนินการสํารวจ การแยกตัว และการติดตั้งเครื่องหมายพรมแดนอย่างสันติในเขตที่ไม่มีการแยกตัว โดยอิงจากพื้นที่ทางเทคนิคและกฎหมายระหว่างประเทศ

นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยังย้ำอีกครั้งว่าในขณะที่กัมพูชาพยายามที่จะแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างสันติผ่านกลไกทางเทคนิคและกฎหมายระหว่างประเทศกัมพูชา สํารองสิทธิ์ในการปกป้องความซื่อสัตย์ของอาณาเขตโดยทั้งหมดรวมถึงการใช้กําลังติดอาวุธในกรณีที่มีความพยายามที่จะบุกรุกอาณาเขตกัมพูชาโดยใช้กําลังทหาร

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ส่งหนังสือผ่านสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ มายังการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาลไทย โดยอ้างอิงถึงเหตุการณ์ความรุนแรงด้วยอาวุธปืนที่ชายแดน กัมพูชา-ไทย จึงแจ้งให้ฝ่ายไทย ดังนี้

1. เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2568 เวลา 05.30 น. กองกำลังไทยได้เปิดฉากยิงอย่างผิดกฎหมายในสนามเพลาะที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน ตโชโมโรโกต ตำบลโมโรโกต อำเภอโจมคซาน จังหวัดพระวิหาร ประเทศกัมพูชา ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

2. รัฐบาลกัมพูชาขอเน้นย้ำว่ากองกำลังทหารกัมพูชา ได้ประจำการอย่างต่อเนื่องและสันติในที่นี้มาเป็นเวลานานก่อนการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2543

3. รัฐบาลกัมพูชา ขอประท้วงอย่างแข็งกร้าว ต่อการโจมตีด้วยอาวุธปืน อย่างไม่มีเหตุผล โดยทหารไทย ซึ่งเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา และการละเมิดเจตนารมณ์ของมิตรภาพและความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ดังที่สะท้อนให้เห็นในบันทึกความเข้าใจ พ.ศ.2543

4. รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้มีการสืบสวนเหตุการณ์รุนแรงครั้งนี้ โดยทันทีและทั่วถึง และให้นำตัวผู้ที่รับผิดชอบต่อการกระทำอันร้ายแรงและผิดกฎหมายนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

5. อย่างไรก็ตาม กัมพูชายังคงมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างเต็มที่ และแก้ไขปัญหานี้และปัญหาชายแดนทั้งหมดโดยสันติวิธี และทางการทูต โดยใช้กลไกที่มีอยู่ รวมทั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เพื่อสร้างชายแดนแห่งสันติภาพ ความร่วมมือ และมิตรภาพกับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ

กระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ใช้โอกาสนี้ เพื่อย้ำคำมั่นต่อสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญว่าจะให้ความสำคัญสูงสุดต่อเรื่องนี้

หน้าแรก » การเมือง