วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568 12:42 น.

การเมือง

เขมรยังเข้ม ห้ามนำเข้าผัก-ผลไม้ไทย จับตาบานปลายมาตรการตอบโต้ข้ามแดน

วันพุธ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 10.52 น.

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 บรรยากาศที่ด่านถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ยังคงตึงเครียดจากมาตรการตอบโต้ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยฝั่งไทยเปิดด่านเฉพาะวันจันทร์ พุธ และศุกร์ เวลา 08.00–15.00 น. ขณะที่ฝั่งกัมพูชาเปิดล็อกประตูเหล็กลวดหนามเวลา 09.00 น. ตามปกติ

บรรยากาศช่วงเช้าเป็นไปอย่างคึกคัก แรงงานชาวกัมพูชาทยอยข้ามแดนกลับประเทศอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คนไทยที่เดินทางเข้าไปฝั่งกัมพูชากลับมีจำนวนลดลง โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไทยยังคงตรวจสอบเอกสารของแรงงานอย่างเข้มงวด

แรงงานชาวกัมพูชารายหนึ่งเปิดเผยว่า หลังจากรักษาตัวที่โรงพยาบาลในตัวเมืองสุรินทร์ ต้องเดินทางกลับบ้านในกัมพูชาซึ่งอยู่ห่างไกลหลายร้อยกิโลเมตร โดยไม่อยากให้รัฐบาลกัมพูชาปิดด่านหรือห้ามนำเข้าสินค้าไทย เพราะชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาสินค้าไทยเป็นหลัก

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กัมพูชายังคงตรวจตราเข้มงวดโดยเฉพาะในส่วนของกระเป๋าสัมภาระ และห้ามเด็ดขาดในการนำเข้าผลไม้ ผักสด เนื้อหมู ไก่ และอาหารทะเลจากฝั่งไทย เช่นเดียวกับด่านอื่นๆ ที่ใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้ากับไทยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สินค้าบางประเภท เช่น รถบรรทุกไอศกรีม น้ำแข็ง และมันสำปะหลังจากไทย ยังสามารถส่งเข้าไปกัมพูชาได้ตามปกติ ส่วนไทยยังไม่มีมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าจากกัมพูชา ยกเว้นเฉพาะบุคคลที่เดินทางเข้าไปเล่นพนันในบ่อนกาสิโน

จับตาด่านจันทบุรี ความเคลื่อนไหวเข้ม – ความหวังยังไม่ปิดประตูการค้า

สถานการณ์ความขัดแย้งเรื่องมาตรการห้ามนำเข้าและส่งออกสินค้าภาคเกษตรยังร้อนแรงในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญของการค้าระหว่างประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ยังดำเนินการเปิด-ปิดตามเวลาใหม่ที่ไทยกำหนดไว้ระหว่าง 08.00–16.00 น. โดยไม่มีสัญญาณของการเพิ่มมาตรการห้ามสินค้าเพิ่มเติมนอกเหนือจากผักและผลไม้

ผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ด่านยังคงจับตาท่าทีของฝั่งกัมพูชาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกรณีสินค้าที่ตกค้างอยู่หน้าด่าน ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้รับอนุญาตให้นำเข้าหรือไม่

จากการสังเกตพบรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนกัมพูชายังสามารถข้ามมายังฝั่งไทยเพื่อรับสินค้าจำเป็นกลับประเทศได้ ขณะที่รถบรรทุกไทยที่รอนำเข้าสินค้าไปกัมพูชาบางคันยังตกค้างจากหลายวันที่ผ่านมา หลายคนเลือกจอดพักในฝั่งกัมพูชาเพราะไม่สามารถเดินทางกลับไทยได้ทันก่อนด่านปิดเวลา 16.00 น.

นายประเสริฐ (นามสมมติ) คนขับรถบรรทุกหินอ่อน เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์จะตึงเครียดจากข้อพิพาทเรื่องเวลาการเปิด-ปิดด่าน แต่ยังเชื่อมั่นว่าจะไม่ลุกลามถึงขั้นรุนแรง อย่างไรก็ตาม เขายังกังวลว่าจะไม่สามารถกลับฝั่งไทยได้ทันในแต่ละวัน

ในส่วนของแรงงานข้ามแดน โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษและบ่อนกาสิโน ยังมีการเดินทางเข้า-ออกต่อเนื่อง แม้จะลดลงจากปกติ โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองยังคงคัดกรองอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น การเข้าไปเล่นการพนัน

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงร้อนแรงจากข้อพิพาทการค้าในครั้งนี้ โดยประชาชนและภาคธุรกิจในพื้นที่ชายแดนต่างเฝ้ารอให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้าเจรจา หาทางออกร่วมกัน เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนโดยตรง

โรงเรียนใกล้ช่องบก อุบลฯ ต้องการอุปกรณ์ทำที่หลบภัยให้นักเรียน
 
นายบัณฑิต จันทะมุด ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโนนสูง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า โรงเรียนบ้านโนนสูง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 เปิดสอนระดับชั้นอนุบาล 2 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 3 มีนักเรียนทั้งหมด 184 คน บุคลากรของโรงเรียน 21 คน เป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้กับบริเวณช่องบก จุดปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เพียงแค่ประมาณ 9 – 10 กิโลเมตร ขณะนี้โรงเรียนได้ดำเนินการตามแผนความปลอดภัยที่ได้รับมอบจากกระทรวงและฝ่ายความมั่นคง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน และบุคลากร ทางโรงเรียนจึงต้องการขอรับการสนับสนุน เช่น กระสอบทราย ท่อซีเมนต์ ยางรถยนต์เก่า เพื่อนำมาทำเป็นหลุมหลบภัยบริเวณภายในโรงเรียน และหากมีจำนวนมากก็จะแบ่งปันให้กับโรงเรียนอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อนำไปเสริมให้เกิดความแข็งแรงด้วย

นายบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า เด็กนักเรียน บุคลากรในโรงเรียน และผู้ปกครอง ยังมีขวัญกำลังใจที่ดี แต่สิ่งที่วิตกกังวลก็คือ ไม่รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ จะยืดเยื้อไปถึงเมื่อไหร่ เพราะหากกินเวลานานประชาชนคงจะลำบากเพราะหาของป่าเป็นอาชีพ

สำหรับผู้สนใจสามารถส่งอุปกรณ์ทำหลุมหลบภัยได้โดยตรงที่โรงเรียนบ้านโนนสูง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โทร. 081 - 074 4909 หรือ 088 - 351 5475 และ 085 - 207 5035
 

หน้าแรก » การเมือง