ผู้นำมาเลเซียโทรเคลียร์ตรงถึงผู้นำไทย-กัมพูชา พร้อมเสียงสนับสนุนจากสหรัฐ-อียู หวังหยุดความสูญเสียและเปิดทางสันติวิธีก่อนสถานการณ์บานปลาย 

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ติดตามรายงานสถานการณ์สู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยความกังวล พร้อมเรียกร้องให้สองฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด และแก้ปัญหาผ่านการเจรจาบนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เพื่อหาทางออกที่ยั่งยืน

นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียนคนปัจจุบัน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า ได้โทรศัพท์หารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนระหว่างสองประเทศ

“ผมได้ร้องขอให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงโดยทันที เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม และเปิดพื้นที่สำหรับการเจรจาสันติภาพตามแนวทางการทูต” นายอันวาร์ระบุ

ผู้นำมาเลเซียยังกล่าวว่า รู้สึกยินดีกับ “สัญญาณเชิงบวก” จากทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ที่แสดงความเต็มใจจะพิจารณาแนวทางดังกล่าว พร้อมย้ำว่า มาเลเซียพร้อมทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในกระบวนการสันติภาพ ด้วยจิตวิญญาณของความสามัคคีและความรับผิดชอบร่วมกันในอาเซียน

“ผมเชื่อมั่นว่า ความแข็งแกร่งของอาเซียนอยู่ที่ความเป็นหนึ่งเดียว และสันติภาพต้องเป็นทางเลือกของเราทุกคน” เขากล่าวทิ้งท้าย

สหรัฐ-อียู เรียกร้องยุติความรุนแรงทันที
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการสู้รบที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะผลกระทบที่มีต่อพลเรือน

“เราตกใจกับรายงานการบาดเจ็บและเสียชีวิตของพลเรือน และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เราขอเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติการโจมตีโดยทันที และใช้วิธีการทางสันติในการระงับข้อพิพาท” แถลงการณ์ระบุ

ในขณะเดียวกัน นายอานัวร์ เอล อานูนี โฆษกด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของสหภาพยุโรป (อียู) ก็ออกแถลงการณ์เช่นกัน โดยแสดงความวิตกต่อสถานการณ์สู้รบที่มีผู้เสียชีวิตในกลุ่มพลเรือน พร้อมเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชาใช้กระบวนการเจรจาตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง

กระแสโซเชียลยืนยัน “เขมรเปิดศึกก่อน”
ในอีกด้านหนึ่ง นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมายและนักวิเคราะห์การเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว อ้างว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน เป็นเหตุให้ประชาชนไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยข้อความดังกล่าวยังมีการแปลออกไปหลากหลายภาษา เช่น อังกฤษ จีน พม่า รัสเซีย ญี่ปุ่น อาหรับ ลาว เกาหลี และสวีเดน เพื่อกระตุ้นความเข้าใจของประชาคมระหว่างประเทศต่อสถานการณ์ชายแดนที่กำลังร้อนระอุ

ทั้งนี้ ยังไม่มีการตอบโต้หรือชี้แจงจากรัฐบาลกัมพูชาเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างเป็นทางการ

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงเปราะบาง ขณะที่ความพยายามจากผู้นำอาเซียน และแรงกดดันจากนานาชาติ อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการคลี่คลายวิกฤตนี้สู่สันติภาพในภูมิภาค