วันพฤหัสบดี ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568 13:14 น.

การเมือง

"ภูมิใจไทย"  จี้สภาถกญัตติยกเลิกเอ็มโอยู 43-44 หนุนโหวตคนลงชิงรองประธานสภาฯคนที่ 1 ทุกคน ยกเว้นจากเพื่อไทย

วันอังคาร ที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 16.26 น.

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่พรรคภูมิใจไทย น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงกรณีนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย และคณะ ยื่นญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาดำเนินการยกเลิกบันทึกความ (เอ็มโอยู) 2543 และ 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชา ว่าพรรคเห็นด้วย และอยากให้สภานำญัตตินี้มาพิจารณา เพื่อให้เห็นถึงข้อดี ข้อด้อย และข้อที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในเอ็มโอยูดังกล่าว เพื่อที่ขั้นต่อไปเราอยากให้มีการทำประชามติรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ว่าการเซ็นเอ็มโอยูดังกล่าวมีประโยชน์หรือโทษอะไรบ้าง 

“แน่นอนว่าเราเห็นโทษของเอ็มโอยูดังกล่าวแน่นอน เพราะตลอด 10 กว่าวันที่ผ่านมา เราเห็นชัดว่าข้อผิดพลาดเป็นอย่างไร ส่งผลกระทบถึงประชาชนแค่ไหน จึงเสนอญัตตินี้เพื่ออยากให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) โดยใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด เพื่อที่จะได้นำเสนอต่อรัฐบาลให้ทำประชามติโดยเร็ว“ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว

น.ส.แนน  แถลงด้วยว่า พรรคมีมติไม่ส่งบุคคลลงแข่งในตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ที่จะมีการโหวตเลือกในการประชุมสภาฯ วันที่ 7 ส.ค.นี้ แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง แต่หากใครจะเสนอตัวลงรับเลือก พรรคภูมิใจไทยพร้อมโหวตให้ทุกท่าน ยกเว้นแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย
   
“สภาชุดนี้เราได้เห็นความแปลกประหลาด เรื่องการเปลี่ยนรองประธานสภาฯ แทบจะทุก 6 เดือน ซึ่รองประธานสภา ฯ คนที่ 2 ก็เพิ่งเลือกไปเป็นของพรรคเพื่อไทยไปแล้ว ดังนั้น รองประธานสภาฯ คนที่  1 ควรเป็นพรรคที่ 3” น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าว     
    
เมื่อถามว่า พารคธรรมได้ติดต่อมาขอคะแนนโหวตแล้วหรือยัง โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ยังไม่ได้ติดต่อมา ซึ่งพรรคขอดูหน้างานอีกที
    
เมื่อถามว่า เป็นเกมยุแยงทางการเมืองหรือไม่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะถ้าเป็นเกมเราคงไม่มาบอกว่าจะโหวตอย่างไร

ปูด “ซอฟต์พาวเวอร์ไทย” น้อยใจรัฐบาล หลังอนุมัติงบจัด “EDM” 1.65 พันล้าน 

นางสาวแนน   แถลงถึง กรณีที่รัฐบาลอนุมัติงบประมาณ โครงการซอฟพาวเวอร์ สนับสนุนการจัดเทศกาล EDM จำนวน 1,650 ล้านบาท ว่า พรรคภูมิใจไทยคลุกคลีกับบรรดาซอฟต์พาวเวอร์ของไทยเยอะมาก และได้รับการร้องเรียนจากทุกภาค ทุกจังหวัด เพราะเมื่อเห็นข่าวก็รู้สึกปวดใจ น้อยใจ ทั้งคณะลิเก หมอลำ หนังตลุง โนราห์ รถแห่ ซึ่งไม่ต้องใข้งบประมาณถึง 1,650 ล้านบาท ขอแค่ 800 ล้านบาท ก็ยังดี เพราะเหล่านี้ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่เห็นแล้วบอกได้เลยว่ามาจากภาคไหนของประเทศไทย แต่กลับไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ 

นางสาวแนน ระบุอีกว่า หากดูในโลกออนไลน์ ก็จะเห็นชัดเจนว่าชาวต่างชาติหลายคนชื่นชอบวัฒนธรรมเหล่านี้ แต่กลายเป็นว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล จึงมีความน้อยใจหลังจากรัฐบาลสนับสนุนงบ EDM ซึ่งพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ทราบได้เลยว่ามีคนกี่เปอร์เซ็นที่จะได้รับประโยชน์ในการอนุมัติงบนี้

ด้านนายศิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ อดีต สส.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การอนุมัติงบประมาณดังกล่าว ตนเห็นว่าเป็นการบริหารราชการที่ผิดพลาด และใช้เงินผิดหมวด จึงต้องตั้งคำถามกับรัฐบาล ว่าการที่ตั้งงบเกี่ยวกับโครงการซอฟต์พาวเวอร์นั้น ต้องการจะนำวัฒนธรรมไทยไปหารายได้ หรือต้องการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว หากการจัดเทศกาล EDM เป็นรายได้จากการท่องเที่ยว ควรจะต้องเป็นงบจาการท่องเที่ยวและกีฬา ไม่ใช่โครงการซอฟต์พาวเวอร์ เพราะโครงการนี้จะต้องมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับดนตรีไทย และวัฒนธรรมไทย เพื่อขายให้ต่างประเทศ วันนี้ตนจึงชวนตั้งคำถามว่า การที่มีโครงการซอฟต์พาวเวอร์ตั้งใจจะขายวัฒนธรรมหรือซื้อวัฒนธรรมต่างประเทศ เข้ามากลืนกินวัฒนธรรมไทย

"สิริพงศ์"  ซัด โป๊กเกอร์-เขากระโดงทำเร็ว แต่ช่วยเหลือชาวบ้านล่าช้า 

นางสาวแนน   แถลงผลหลังการประชุมพรรค ถึงกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ที่ผ่านมาสส.และสมาชิกของพรรคภูมิใจไทย ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพ รวมถึงทหารที่อยู่ในแนวหน้า และผู้ที่อยู่แนวหลัง อย่าง ผู้ใหญ่บ้าน และ ชรบ. มาโดยตลอด เนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วพรรคภูมิใจไทยที่ยื่นกระทู้ถามสดต่อรัฐบาล ถึงนายกรัฐมนตรี ถึงการดูแลประชาชนในเขตอพยพ ซึ่งน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มาตอบเรื่องการเบิกจ่าย แต่ในหน้างานและของจริงที่เกิดขึ้น ขอเรียกร้องไปทางรัฐบาลว่าท่านมีแต่สั่ง ให้เจ้าหน้าที่ในจังหวัดต่างๆไปทำงานแบบนั้นแบบนี้ เขาสามารถเบิกจ่ายได้ แต่จนถึงวันนี้เงินที่สามารถเบิกจ่ายได้ เบิกอะไรกัน เพราะระเบียบต่างๆไม่ได้ชี้แจงให้ชัดเจน เพราะคนที่เบิกจ่ายคือคนที่มีตำแหน่งเล็กที่สุดในอปท. ในสมัยสภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ ท่านจะยกระเบียบไหนให้เขาสามารถเบิกจ่ายได้อย่างชัดเจน  อย่างเบื้องต้นให้ 5 แสนบาท หรือ บางพื้นที่ให้ 20 ล้านบาทถ้าเป็นกรณีฉุกเฉิน ตอนนี้ในหลายๆที่ถ้าเบิก ก็เบิกน้อยมาก และเบิกในปัจจุบัน แต่ที่ย้อนหลังไป 10 กว่าวัน ที่เบิกจ่ายไปก่อนจะทำอย่างไร  ท่านต้องหาระเบียบที่ชัดเจนให้เขาได้ปฏิบัติ และต้องมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้างาน เขาจะไม่มีปัญหาในอนาคต ในการตรวจสอบการเบิกจ่าย เช่นที่ จังหวัดบุรีรัมย์ให้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ลงไปสำรวจประชาชนและบอกว่าจะมีเงินช่วยเหลือสงเคราะห์ของพม.ให้  เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว แต่พบว่ามียอดลงทะเบียนจำนวนสูงมาก ถึง 5,000 ครอบครัว แต่เจ้าหน้าที่พม.แจ้งว่าถ้าเอาตามระเบียบจะให้เงินสงเคราะห์ได้แค่เพียง 1,000 ครอบครัวเท่านั้น ดังนั้น ถ้าจะเยียวยาควรเยียวยาให้พร้อมกัน ทั้งนี้ ขอบคุณรัฐบาลที่ได้อนุมัติวงเงินเยียวยา แต่ก็มีเพียงผู้ที่เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ  แต่ในส่วนอื่นๆ ประชาชนก็ต้องได้ความมั่นใจและความแน่ชัดในการเยียวยาในส่วนอื่นๆด้วย ทั้งบ้านเรือน ธุรกิจที่เสียหาย และกรณีที่ไปอยู่ในศูนย์อพยพทำให้ขาดรายได้นั้น รัฐบาลจะดูแลอย่างไร 

ด้าน นายสิริพงศ์  กล่าวว่า การที่รมอนุมัติงบประมาณเยียวยาเพิ่มเติม 8-10 ล้านบาท เป็นผลมาจากสส. พรรคภูมิใจไทยที่ได้กระทุ้งเรื่องนี้  แต่ในขณะนี้ในพื้นที่มีปัญหาจริงๆ จากความไม่เข้าใจของฝ่ายปฏิบัติ มีการให้นโยบายแต่ไม่ได้ลงในรายละเอียด  ถึงแม้วันนี้จะมีการอนุมัติเงินให้ 500,000 บาท แต่ไม่รู้วิธีการเบิกว่าจะต้องเบิกได้อย่างไร  เพราะมีการบอกว่าอนุมัติ เป็นราย 7 วัน 15 วัน แต่ในความเป็นจริงศูนย์อพยพใช้เงินทุกวัน ทำให้วันนี้ศูนย์อพยพต่างๆ อยู่ด้วยได้ของบริจาค ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ที่มาช่วยบริจาคมีความเหนื่อยล้า และบางศูนย์ต้องปิดตัวลงแต่รัฐบาลกลับประกาศไม่ให้ประชาชนกลับบ้าน ทำให้เกิดความโกลาหล ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าจะมีการบริหารจัดการอย่างไร ขอฝากที่ภาครัฐและกระทรวงมหาดไทย ว่าในเรื่องนี้ใช้เวลา 10 กว่าวันแล้ว ที่ท่าน อนุมัติงบประมาณไป 100 กว่าล้านบาท  อำเภอละ 500,000 บาท ถ้าคิดแล้วตกหัวละ 150 บาท หนึ่งอำเภอ 500,000 บาทใช้ได้กี่วัน และนี่เหตุการณ์ยืดเยื้อมาหลายวันแล้ว 

“ขอให้ท่านทำเรื่องนี้ให้เร็ว อย่างที่ท่านทำเรื่องโปเกอร์ และขอให้ทำเรื่องนี้ให้เร็วเหมือนที่ท่านไปเร่งทำเรื่องอื่น ถ้าพูดถึงพรรคภูมิใจไทย ก็พาดพิงเขากระโดงอีก ถ้าท่านทำเรื่องเขากระโดงเร็ว เรื่องชาวบ้านทำให้เร็วด้วย” 

ขณะที่ นางสาวผกามาศ กล่าวว่า ปัญหาหน้างานในจังหวัดสุรินทร์ หรือจังหวัดอื่นๆในช่วงแรกก่อนที่จังหวัดจะได้เงิน 100 ล้านบาท ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประสานมาทางผู้นำท้องถิ่น ช่วงที่รับคนอพยพเข้ามา โดยเบื้องต้นให้ใช้เงินท้องถิ่นไปก่อน แต่ภายหลังพอได้เงิน 100 ล้านบาทแล้ว ท้องถิ่นกลับไม่สามารถเบิกเงินในส่วนที่ใช้ไปก่อนหน้านี้ได้ ทำให้เสียงบประมาณในการดูแลท้องถิ่นไป จึงอยากขอให้รัฐบาลช่วยชดเชยเงินที่ท้องถิ่นนำไปดูแลผู้อพยพย้อนหลังด้วย 

ขณะที่ นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยตั้งแต่เกิดเหตุ สส.พรรคภูมิใจไทย อยู่ในพื้นที่ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ทูตทหารมาประเทศไทย ซึ่งตอนที่นายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ตั้งกระทู้ถามสดถึงนายกรัฐมนตรี กรณีให้เงินเยียวยาแก่ประชาชน ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวถึง สส.ที่พูดถึงเรื่องนี้ก็คือตน ตนก็ได้บอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าปัญหาเช่นนี้จะเกิดขึ้น และปัญหาเรื่องการใช้งบประมาณที่จะเกิดขึ้นในลักษณะแบบนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมหาศาล 

ทั้งนี้ในช่วงที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยตอบกระทู้ในสภาและได้ต่อสายตรงถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งนายธนา ได้พูดถึง จึงอยากฝากข้อคิดไว้ว่าการที่ท่านไม่รับฟังที่พูดแต่วันแรกที่เกิดเหตุก็เรื่องหนึ่ง แต่การที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่หน้างาน แล้วเอาปัญหาที่ประชาชนประสบจริงมาพูด มาเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา ซึ่ง 8 วันหลังไม่ทำยังไม่พอยังโทรไปหาคนที่ทำให้เกิดปัญหา และจบอยู่แค่นั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นตัวกลางแก้ปัญหา และพิสูจน์ข้อเท็จจริง ว่าปัญหาเป็นอย่างไร 

“ถ้าหากเป็นห่วงประชาชนต้องมาหาข้อเท็จจริง คุณต้องลงมาดูปัญหา เราไม่ได้เล่นเกมการเมืองกับพวกท่าน มีการเสียเลือดเนื้อจริง ๆ วันนี้ในสถานการณ์บ้านเมือง ที่ความมั่นคงก็ไม่สงบ 100 % ภัยธรรมชาติมาอย่างหนักหน่วง และเราได้เห็นชัดเจนว่าการรับผู้อพยพเราก็ไม่พร้อมที่จะทำ หากทุกอย่างมาพร้อมกันจะเกิดอะไรขึ้น“ นายไชยชนก กล่าว
 

หน้าแรก » การเมือง