วันพฤหัสบดี ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568 13:34 น.

การเมือง

"ณพลเดช" เปิดมติ มส. ฉบับเต็ม ออกแนวปฏิบัติใหม่ "บัญชีวัด" เผยเน้นโปร่งใส รักษาอำนาจเจ้าอาวาส และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน

วันอังคาร ที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 18.34 น.

 ที่ปรึกษาประธานกมธ.ศาสนาฯสภาฯ ยืนยันมติ มส. ออกแนวปฏิบัติใหม่ "บัญชีวัด"  ไม่ลดบทบาทสงฆ์ แต่สร้างมาตรฐานโปร่งใส คุมงบวัดให้ตรวจสอบได้ – พร้อมดึงชุมชนเข้ามามีบทบาท ลดเสียงวิจารณ์-เพิ่มศรัทธา

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568  ดร.ณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร และที่ปรึกษาผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการให้วัดทั่วประเทศจัดทำบัญชีวัด โดยก่อนหน้านี้มีเพียงมติฉบับย่อ ของ มส. ทำให้เกิดความกังวลในหลายประเด็น เช่น ฆราวาสจะเข้ามาครอบงำกิจการสงฆ์ จะลดอำนาจในการบริหาร หรือข้อมูลบัญชีวัดอาจรั่วไหลไปถึงผู้ไม่หวังดี ล่าสุดเว็บไซต์ด์มหาเถรสมาคมได้เผยมติเฉพาะฉบับเต็มแล้ว เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและคลายความกังวลของสังคมครับ

สาระสำคัญของแนวปฏิบัตินี้คือ มหาเถรสมาคมตระหนักว่าวัดแต่ละแห่งมีขนาด ศักยภาพ ทรัพย์สิน บุคลากร และบริบทชุมชนที่แตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องกำหนดแนวปฏิบัติที่ยืดหยุ่น เหมาะสมกับแต่ละวัด เพื่อให้การบริหารศาสนสมบัติเป็นไปอย่างเรียบร้อย โปร่งใส และยังคงไว้ซึ่งอำนาจหน้าที่ของเจ้าอาวาส โดยเน้นให้วัดสามารถจัดทำบัญชีได้อย่างเหมาะสมกับสภาพของตนเอง มีผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาช่วยดูแล และให้เจ้าอาวาสเป็นผู้เห็นชอบหรือแต่งตั้งผู้รับผิดชอบการทำบัญชี เพื่อให้ระบบบัญชีวัดได้มาตรฐานและสามารถตรวจสอบได้ครับ

สำหรับวัดขนาดใหญ่ หรือวัดที่มีทรัพย์สินมากและมีบุคลากรพร้อม จะต้องตั้งคณะกรรมการบริหารศาสนสมบัติ โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน อาจแต่งตั้งรองเจ้าอาวาสหรือพระภิกษุอื่น ๆ เพิ่มเติม มีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหรือบัญชีอย่างน้อยหนึ่งคน และตัวแทนชุมชนที่มีจริยธรรมดีอย่างน้อยสองคน รวมถึงไวยาวัจกรเป็นกรรมการและเลขานุการ เจ้าอาวาสสามารถปรับเปลี่ยนจำนวนกรรมการตามความเหมาะสมได้ โดยคณะกรรมการมีวาระสองปี และสามารถต่ออายุได้เมื่อจำเป็น ส่วนวัดขนาดเล็ก หรือวัดในพื้นที่ห่างไกลที่อาจขาดบุคลากรหรือทรัพยากร สามารถปรับแนวทางให้เหมาะสมกับสภาพของวัดได้ โดยยังคงยึดหลักโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีส่วนร่วมจากคนในชุมชน หากวัดใดมีปัญหาในการดำเนินการตามแนวปฏิบัตินี้ ก็สามารถขอคำปรึกษาจากเจ้าคณะผู้ปกครอง หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ครับ

แนวปฏิบัติใหม่นี้จะช่วยให้การบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดโปร่งใสและตรวจสอบได้ง่ายขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและผู้บริจาค ลดโอกาสการทุจริต ส่งเสริมให้คนในชุมชนหรือผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามามีส่วนร่วม และช่วยให้วัดแต่ละแห่งสามารถบริหารทรัพย์สินได้อย่างเหมาะสมกับสภาพของตัวเอง สุดท้ายจะนำไปสู่ระบบการบริหารศาสนสมบัติที่เข้มแข็ง โปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาโดยรวม ผมได้แนบมติมหาเถรสมาคมฉบับเต็มสำหรับผู้สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมมาด้วยครับ

ในอีกมุมอยากจะเรียนว่าฝ่ายรัฐบาล  และหน่วยงานบริหารต่างพยายามผลักดันช่วยเหลือความเดือดร้อนต่างๆโดยเฉพาะวันนี้ ผมในฐานะประธาน คณะทำงานในคณะอนุกรรมการพิจารณาศึกษาวัดและที่พักสงฆ์ที่มีปัญหาในการออกเอกสารสิทธิที่ดิน ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี วันนี้ ครม. เห็นชอบมาตรการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของวัดในเขตที่ดินของรัฐ พร้อมเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำคู่มือปฏิบัติให้เสร็จใน 90 วัน เพื่อแก้ปัญหาวัดที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้อย่างถูกต้อง เป็นธรรม ลดข้อขัดแย้ง และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พระพุทธศาสนาและประชาชนครับ

สำหรับประเด็นข่าวที่เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด ค้น 200 จุดทั่วประเทศ ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย พระภิกษุอาจถูกดำเนินคดี ตั้งแต่ระดับสมเด็จลงมานั้น ผมขอฝากถึงผู้มีอำนาจในบ้านเมือง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เวลาต้องการความช่วยเหลือจากพระ ไม่ว่าจะเป็นการขอรับงบประมาณ ขอสิ่งของ หรือแม้แต่ขอให้พระจัดทำวัตถุมงคลเพื่อนำไปหารายได้ ก็ล้วนแต่ไปขอความร่วมมือจากพระทั้งสิ้น ต่อไปนี้คงจะทำได้ยากขึ้น ต่างประเทศมีกฎหมายปกป้องไม่ให้เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ดีต่อประชาชน แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเช่นนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังในเรื่องบาปบุญคุณโทษที่จะตามมาด้วย 
 

หน้าแรก » การเมือง