วันพุธ ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2568 04:01 น.

กิจกรรม

ฟินรสสดใหม่ ไฉไลริมฝั่งโขง

วันอังคาร ที่ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2562, 16.32 น.

ททท.ชวนเที่ยวบึงกาฬ สายกินห้ามพลาด “ฟินรสสดใหม่ ไฉไลริมฝั่งโขง”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร I-san Coolinary สร้างประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางสู่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำเสนอประสบการณ์เที่ยวกินอย่างมีสไตล์ เข้าถึงวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมไอเดียสร้างสรรค์ แนะนำเส้นทางน้องใหม่ “จังหวัดบึงกาฬ” ด้วยเสน่ห์แห่งธรรมชาติและวัฒนธรรม จากวิถีชุมชนอันเป็นเอกลักษณ์ ภายใต้แนวคิด “ฟินรสสดใหม่ ไฉไลริมฝั่งโขง”

ทริปนี้ คณะสำรวจเส้นทางจาก ททท. พร้อมด้วยคณะสื่อมวลชน และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ได้ร่วมเดินทางเป็นระยะเวลา 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นยามเช้า ณ สนามบินอุดรธานี แวะรับประทานอาหารเช้ากันที่ “ร้านแสนรัก” ข้าวเปียกเมืองอุดร ริมถนนรอบเมืองซึ่งเป็นทางผ่าน ก่อนจะใช้เวลามุ่งหน้าสู่ อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ราวชั่วโมงเศษก่อนจะตะลุยไปตามจุดต่างๆ ที่น่าสนใจของจังหวัดบึงกาฬ บอกได้เลยว่า ทั้งสนุกและอร่อย

พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต

ชุมชนๆ เล็กในหมู่บ้านขี้เหล็กใหญ่ อ.โซ่พิสัย เราได้พบกับบรรยากาศสบายๆ ของบ้านไม้เก่าซึ่งเป็นบ้านเกิดของฟู้ดสไตลิสต์ชั้นนำของเมืองไทย “คุณขาบ-สุทธิพงษ์ สุริยะ” ซึ่งตั้งใจให้บ้านหลังนี้ เป็นสถานที่เยี่ยมชมวิถีชีวิตของคนบึงกาฬ ผ่านข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ซึ่งทุกวันนี้ยังมีคุณพ่ออาศัยอยู่ พร้อมกิจกรรมอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกทำขันหมากเบง ที่ใช้บูชาพระ หรือการทำอาหารอย่างง่ายๆ เช่น การห่อปอเปี๊ยะจากผักและผลไม้ในหมู่บ้าน  พร้อมกันนี้ยังได้ปั่นจักรยานเที่ยวชมภายในหมู่บ้าน ซึ่งมีภาพกราฟฟิตี้ แสดงเรื่องราวของพญานาคที่สอดคล้องกับวิถีของคนในชุมชน เช่น พญานาคตัดผม (ร้านตัดผม) พญานาคขายลอดช่อง (ร้านขายลอดช่อง) นับเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แถมอาหารการกินก็ยังโดดเด่นจากปลาแม่น้ำโขง และพืชผักสดที่ปลูกเองแบบปลอดสารเคมีอีกด้วย (พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ เปิดบริการทุกวัน 09.00 – 17.00 น. โทร. 08-6229-7626  ต้องติดต่อล่วงหน้า หากต้องการเข้ามารับประทานอาหารและทำกิจกรรม)

ยืนยั่ง ยั่งยืน

ร้านอาหารแห่งความรักและความใส่ใจ โดย “แป๋ว ศศิวิมล บุญแท้” สาวชาวบึงกาฬที่รักในถิ่นฐานบ้านเกิด และภูมิใจในการถ่ายทอดความรักจากคุณแม่ ด้วยฝีมือในการทำอาหารของร้าน “ยืนยั่ง ยั่งยืน” ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ แม้จะใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองราว 40 กิโลเมตร แต่มาถึงก็คุ้มค่า เพราะตัวร้านมีความร่มรื่น สวยงาม และทางร้านก็รับวัตถุดิบต่างๆ จากชาวบ้านมาปรุงเป็นอาหารให้ทุกคนได้ชิมกันอีกด้วย และในวันนี้ ก่อนที่คุณแม่จะลงครัว ก็ได้สอนการร้อยมาลัยให้พวกเราทุกคนได้ลองนั่งใจเย็นเพื่อท้าทายตัวเองว่า จะสามารถร้อยมาลัยออกมาเป็นพวงได้หรือไม่ แม้จะออกไม่สวยเนี๊ยบเหมือนใคร แต่ทุกคนก็ภูมิใจในฝีมือของตนเอง และวันนี้ก็ได้ชิมเมนูอร่อยสูตรเด็ดของคุณแม่ อาทิ ปลาทอดสมุนไพร  ไก่นึ่งใบมะขาม  แกงหน่อไม้หวาน อิ่มแล้วยังเดินช้อปร้านผ้าหน้าบ้าน ที่ทางร้านได้รวบรวมเอาสินค้าผ้าทอจากแหล่งต่างๆ ในบึงกาฬมาวางจำหน่ายอีกด้วย (ร้านยืนยั่ง ยั่งยืนซอยข้างที่ว่าการอำเภอพรเจริญ จ.บึงกาฬ  เปิดบริการทุกวัน 10.00-18.00 น. 08-6222-7672โทร.08-6222-7672)

แพล่อง@หนองเลิง

ประสบการณ์การกินแบบท้องถิ่นบึงกาฬมีรูปแบบอันหลากหลาย นอกจากจะบุกถึงครัวคุณแม่แล้ว ที่หนองเลิง ยังมีบริการล่องแพชมความงามของธรรมชาติ บริเวณริมบึงหนองเลิง มีร้านค้าให้บริการอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ แต่หากมากันเป็นหมู่คณะ ก็ติดต่อให้ทางชุมชนดูแลจัดการเมนูต่างๆ ได้ โดยเฉพาะเมนูพิเศษที่ทำจากสายบัว ไม่ว่าจะเป็นแกงกะทิสายบัว ส้มตำ หรือ ยำสายบัว เสิร์ฟมาในชุดขันโตก ล่องแพชมธรรมชาติ พร้อมอร่อยกับเมนูตรงหน้า นับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่น่าประทับใจไปอีกแบบ หากอยากได้บรรยากาศแบบบัวเต็มบึง ก็ต้องมาในช่วงปลายปี (ติดต่อ คุณยุทธ ประธานกลุ่มแพหนองเลิง 09-3894-5580)

ภูทอก-ภูสิงห์

บึงกาฬเป็นจังหวัดที่คงความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอยู่มาก โดยเฉพาะป่าเขาที่มีความอลังการและน่าทึ่ง เช่น ที่ภูทอก อ.ศรีวิไล สถานปฏิบัติธรรมที่บุกเบิกโดย “พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ และได้ความร่วมแรงร่วมใจของพระสงฆ์และชาวบ้าน ช่วยกันสร้างสะพานไม้ขึ้นสู่แนวเขา พร้อมการก่อสร้างทางไม้เลียบผา จำนวน 7 ชั้น แค่คนเดินขึ้นไปก็นับว่าเหนื่อยหอบแล้ว ผู้ที่ช่วยกันสร้างคงต้องลงทุนลงแรงกันอย่างมหาศาล ทราบมาว่าต้องใช้เวลาถึง 5 ปีในการก่อสร้าง ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะสามารถเดินขึ้นได้อย่างสะดวกสบายแบบนี้ ดังนั้นจึงต้องตระหนักไว้ให้มั่นว่า สถานที่แห่งนี้คือสถานปฏิบัติธรรม จึงต้องสำรวมกาย วาใจ พร้อมการแต่งกายที่เหมาะสมในการเที่ยวชม

อีกจุดคือภูสิงห์สถานที่ชมความงดงามมุมสูงที่หลายคนอาจจะคุ้นตากับภาพของ ปลาวาฬ พ่อ แม่ ลูก หรือ หินสามวาฬ ซึ่งสามารถเข้าชมความงามได้ตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อขึ้นไปแล้วยังมีจุดชมวิวอีกหลายจุด อาทิ จุดชมวิวถ้ำฤาษี หินช้างส้างร้อยบ่อ ซึ่งการเดินทางขึ้นภูสิงห์ จำเป็นต้องใช้รถบริการของชุมชน ซึ่งสามาถติดต่อได้หน้าที่ทำการได้ในทุกๆ เช้า

ผ้าหมักโคลน บ้านสะง้อ

หากพูดถึงของดีของเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของบึงกาฬ หนึ่งในนั้นคือ “ผ้าหมักโคลนดารานาคี”บ้านสะง้อ ต.หอคำ อ.เมือง จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่พลิกชีวิตของคนทอผ้าให้ฟื้นคืน เพราะเดิมทีชาวบึงกาฬนิยมทอผ้าขาวม้ากันมากจนล้นตลาดและไม่คุ้มค่ากับรายได้ ทำให้หลายรายจำต้องทิ้งอาชีพนี้ไป แต่ที่บ้านของแม่สมพร ได้ฉุกคิดว่า เพราะเหตุใดผ้าที่ชาวนาสวมใส่จึงมีความนุ่ม จึงลองนำฝ้ายไปหมักโคลน จนพบว่า ให้ความนุ่ม ลื่น เย็น และมีน้ำหนัก ซึ่งโคลนนั้น เป็นโคลนจากแม่น้ำโขง บริเวณที่เคยมีบั้งไฟพญานาค จึงเป็นที่มาของเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร จากนั้นก็ได้นำกระบวนการย้อมสีจากธรรมชาติเข้ามาใช้ ทำให้เกิดผ้าที่มีความสวยงาม ได้ราคา พร้อมการออกแบบลวดลายและรูปแบบใหม่ๆ  และไม่ลืมที่จะชักชวนชาวบ้านมาช่วยกันสืบสานให้ผ้าหมักโคลนเป็นของดีของเด่นของบึงกาฬ อันยากที่ใครจะมาเลียนแบบ เพราะนอกจากโคลนในพื้นที่แล้ว ยังต้องอาศัยอุณหภูมิที่พอเหมาะ แบบชาวบ้านสะง้อ ริมโขงบึงกาฬเท่านั้น (ติดต่อเข้าชม แม่สมพร โทร : 0956647134 , 0844082865)

บ้านหอคำ ชุมชนริมโขง

หากจะกินลมชมวิวริมโขงให้ชื่นใจ ที่บ้านหอคำน่าจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องไม่พลาด เพราะที่นี่คือจุดที่เราสามารถมองเห็นความเวิ้งว้างกว้างไกลของแม่น้ำโขง พร้อมทิวทัศน์ของเทือกเขาฝั่ง สปป.ลาว ได้งดงามราวภาพเขียน และที่นี่ยังมีกลุ่มแม่บ้านที่เข้มแข็ง ร่วมกันทำโฮมสเตย์เปิดรับนักท่องเที่ยว พร้อมอาหารท้องถิ่นจากแม่น้ำโขง และปลาจากแหล่งน้ำในหมู่บ้าน ทีเด็ดคือ “ปลาร้าทอดราดพริก” ซึ่งอาจจะทำให้คนที่กินปลาร้าไม่เป็นเริ่มหลงรักปลาร้าเข้าให้ พร้อมเมนูปลาเพื่อสุขภาพ อย่างลาบปลาแม่น้ำโขง ปลาช่อนแดดเดียวทอด ต้มยำปลา หากมาในตอนเย็น สามารถติดต่อขอลงเรือชมความงามของลำน้ำโขงยามพระอาทิตย์ตกดินกันได้ และที่พลาดไม่ได้อีกอย่างคือ อุดหนุนผลิตภัณฑ์จากลูกหยียักษ์ ของดีของชาวบ้านหอคำ  (ติดต่อ แม่ประเนียร ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านหอคำ08-5007-2460)

ห้องอาหารเดอะวัน

สำหรับคนที่เคยมาเยือนบึงกาฬ อาจจะพอรู้ว่า โรงแรมเดอะวัน เป็นโรงแรมมาตรฐานขนาดใหญ่ของบึงกาฬ และที่นี่ก็มีร้านอาหารโรงแรมที่แอบซ่อนความน่าสนใจไว้มาก ด้วยเมนูอีสานฟิวชั่น ที่มาในรสชาติเด็ด อาทิ  ปอเปี๊ยะลาบหมูทอดส้มตำต้นอ่อนทานตะวันปลานิลนึ่งแจ่ว เป็นอีกมุมอร่อยที่หลายคนอาจจะมองข้าม

วัดอาฮงศิลาวาส-วัดสว่างอารมณ์

ไม่ว่าเราจะเดินทางเข้ามาบึงกาฬ หรือ จะออกจากบึงกาฬ เพื่อกลับสู่สนามบินในจังหวัดอุดรธานี ต้องไม่พลาดชมจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงหรือ “สะดือแม่น้ำโขง”กราบพระพุทธคุวานันท์ศาสดา ในอุโบสถ์หินอ่อน  และเดินชมความงามของสวนหิน ส่วนอีกจุดที่น่าสนใจคือ “วัดสว่างอารมณ์” หรือ “วัดถ้ำศรีธน” อ.ปากคาด ซึ่งมีก้อนหินขนาดยักษ์กระจายตัวอยู่ พร้อมด้วยที่ตั้งของวัดที่ตั้งอยู่บนลานหินขนาดใหญ่ มองไปทางไหนก็ดูแปลกตาแปลกใจ บนโขดหินมีอุโบสถ ทรงระฆังคว่ำ ขึ้นไปแล้วสามารถชมวิวได้กว้างไกล ได้ฟังเรื่องเล่าจากตำนานของ “ท้าวศรีธน” ที่มาฝึกวิชาในสถานที่แห่งนี้ และมีอาคมแกร่งกล้าจนสามารถง้าวดาบฟันลงบนก้อนกินใหญ่จนแตกเป็น 3 เสี่ยง เกิดเป็นหลักฐานของหิน 3 ก้อนที่แยกจากกันเหมือนมีใครมาผ่าไว้ นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น ท่ามกลางความฉงนนของบรรดาหินก้อนยักษ์ที่ว่ากันว่ามีอายุนับล้านปี

บึงกาฬเป็นจังหวัดเล็กๆ ริมฝั่งโขง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ใครที่ลองมาสัมผัสแล้วจะหลงรัก มนต์เสน่ห์แห่งความเรียบง่าย ท่ามกลางความยิ่งใหญ่ของแม่น้ำและป่าเขา เป็นที่ที่เราไม่อยากให้คุณพลาด