วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568 03:14 น.

กิจกรรม

โค้ด(ไม่)ลับ ถ้าอยากกู้สินเชื่อผ่าน ต้องรู้จักเกณฑ์ 5C

วันพฤหัสบดี ที่ 04 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 21.14 น.

ความฝันชิ้นใหญ่อย่างการมีบ้านหลังแรก รถยนต์คันใหม่ หรือการเริ่มต้นธุรกิจในฝัน มักมีต้นทุนที่ต้องใช้เงินทุนเป็นแรงขับเคลื่อน การเดินเข้าหาธนาคารเพื่อกู้เงินก้อนโตจึงเป็นทางออกที่หลายคนเลือก แต่บ่อยครั้งที่เรามักได้ยินเรื่องราวของการกู้ไม่ผ่านจนเกิดความกังวลว่าธนาคารใช้อะไรเป็นตัวชี้วัด ความจริงแล้วการอนุมัติสินเชื่อไม่ได้ขึ้นอยู่กับดวงหรือโชคชะตา แต่มีมาตรฐานสากลที่เรียกว่า เกณฑ์ 5C เป็นตัวกำหนด หากเราเข้าใจหลักการนี้ และเตรียมตัวมาดี เปรียบเสมือนเรารู้แนวข้อสอบล่วงหน้า การพิชิตเงินก้อนที่ต้องการก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

รู้จักกับ “เกณฑ์ 5C” กุญแจสำคัญสู่การอนุมัติสินเชื่อ

หากจะอธิบายให้เห็นภาพชัดเจน เกณฑ์ 5C คือเครื่องมือวิเคราะห์สินเชื่อมาตรฐานที่สถาบันการเงินทั่วโลกใช้เพื่อประเมินความเสี่ยง และความน่าเชื่อถือของผู้กู้ ก่อนที่จะตัดสินใจอนุมัติให้กู้เงิน โดยธนาคารจะมองรอบด้านไม่ได้ดูแค่รายได้เพียงอย่างเดียว แต่จะวิเคราะห์ลึกไปถึงนิสัยทางการเงิน ความสามารถในการคืนหนี้ ไปจนถึงปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเงินที่ปล่อยกู้ไปนั้นจะได้รับคืนครบตามกำหนด การทำความเข้าใจหลักเกณฑ์นี้จึงเปรียบเสมือนการตรวจสุขภาพทางการเงินของตัวเอง เพื่อปิดจุดอ่อน และเสริมจุดแข็งให้พร้อมที่สุดก่อนยื่นเอกสารจริง

เจาะลึก 5 ปัจจัยสำคัญของเกณฑ์ 5C ที่ธนาคารมองหาจากคุณ

เพื่อให้การเตรียมตัวของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น เรามาถอดรหัสกันทีละข้อว่า ภายใต้ตัวอักษร C ทั้ง 5 ตัวนั้น ธนาคารกำลังมองหาอะไรในตัวคุณ

1. Character : คุณสมบัติและความน่าเชื่อถือของผู้กู้

ด่านแรกที่สำคัญที่สุดคือตัวตนของผู้กู้ ธนาคารต้องการทราบว่าคุณเป็นใคร และมีวินัยทางการเงินมากแค่ไหน โดยพิจารณาจากความมั่นคงในอาชีพการงาน เช่น อายุงานที่ทำมาต่อเนื่อง (มักดูที่ 2 ปีขึ้นไปสำหรับเจ้าของกิจการ หรือผ่านโปรแล้วสำหรับพนักงานประจำ) และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ประวัติเครดิตจากเครดิตบูโร ซึ่งเป็นเหมือนสมุดพกประจำตัว หากคุณมีประวัติการชำระหนี้ตรงเวลา ไม่เคยผิดนัดชำระ สถาบันการเงินก็จะมองว่าคุณมีความตั้งใจจริง และมีวินัยที่จะรับผิดชอบหนี้ก้อนใหม่

2. Capacity : ความสามารถในการผ่อนชำระหนี้

เมื่อมั่นใจในตัวบุคคลแล้ว สิ่งต่อมาคือการดู กำลังในการผ่อน ธนาคารจะนำรายได้ของคุณมาหักลบกับภาระหนี้สินที่มีอยู่เดิม เพื่อดูว่าเหลือเงินพอที่จะผ่อนหนี้ก้อนใหม่หรือไม่ โดยปกติแล้วสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio) ที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน หากคุณมีภาระหนี้น้อยเมื่อเทียบกับรายได้ โอกาสที่จะได้รับอนุมัติวงเงินตามที่ขอก็จะมีสูงขึ้น เพราะธนาคารมั่นใจว่าคุณจะไม่เดือดร้อนจากการผ่อนชำระในแต่ละงวด

3. Capital : เงินทุนและสินทรัพย์ส่วนตัว

ข้อนี้เป็นการดูสายป่าน หรือความมั่งคั่งของผู้กู้ หากเป็นการกู้เงินเพื่อทำธุรกิจ ธนาคารจะดูว่าคุณมีเงินทุนส่วนตัวลงไปในกิจการมากน้อยแค่ไหน เพื่อแสดงความจริงจังในการลงทุน

ส่วนในกรณีบุคคลธรรมดา จะพิจารณาจากเงินออม หรือสินทรัพย์สุทธิที่มีอยู่ เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนกันชนทางการเงิน หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือขาดรายได้กะทันหัน ผู้กู้จะยังมีทุนสำรองมาหมุนเวียนเพื่อชำระหนี้ต่อไปได้โดยไม่สะดุด

4. Collateral : หลักทรัพย์ค้ำประกัน

เพื่อลดความเสี่ยงในการปล่อยกู้ ธนาคารมักจะพิจารณา หลักประกันที่ผู้กู้นำมาเสนอ ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์อย่าง บ้าน ที่ดิน หรือสังหาริมทรัพย์อย่าง รถยนต์ ไปจนถึงเงินฝาก และพันธบัตร หลักทรัพย์เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นหลักประกันความมั่นใจว่าหากเกิดเหตุสุดวิสัยจนผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ธนาคารยังมีทรัพย์สินไปขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้คืน การมีหลักประกันที่ดี และมูลค่าครอบคลุมวงเงินกู้ จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติได้มาก

5. Conditions : ปัจจัยภายนอกและเงื่อนไขอื่น ๆ

สุดท้ายคือปัจจัยที่อาจอยู่นอกเหนือการควบคุมแต่มีผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ ทั้งสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น แนวโน้มของอุตสาหกรรมที่คุณทำงานหรือทำธุรกิจอยู่ เช่น ช่วงวิกฤตโรคระบาด หรือภาวะเงินเฟ้อ ล้วนมีผลต่อการพิจารณาทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังรวมถึงวัตถุประสงค์ในการกู้เงินที่ต้องชัดเจน และสอดคล้องกับนโยบายของธนาคารในช่วงเวลานั้น ๆ ด้วย

เตรียมตัวให้พร้อมตามเกณฑ์ 5C ช่วยเพิ่มโอกาสกู้ผ่านได้อย่างไร ?

การรู้เขารู้เราตามเกณฑ์ 5C ช่วยให้คุณกลับมาสำรวจตัวเองได้ก่อนที่จะเดินเข้าไปยื่นเอกสาร หากพบว่าข้อไหนยังเป็นจุดอ่อน เช่น ภาระหนี้ต่อเดือนสูงเกินไป (Capacity) คุณก็สามารถวางแผนปิดหนี้บางก้อนก่อนยื่นกู้จริง หรือหากประวัติเครดิตยังไม่ขาวสะอาด (Character) ก็จะได้รีบปรับวินัยการชำระเงินให้ตรงเวลาเพื่อสร้างเครดิตใหม่ การเตรียมพร้อมเอกสารที่แสดงถึงรายได้ และสินทรัพย์ (Capital) อย่างครบถ้วนชัดเจน ก็จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สินเชื่อวิเคราะห์ข้อมูลได้ง่าย และรวดเร็วขึ้น เพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย

การยื่นเรื่องกู้เงินกับธนาคารอาจดูเป็นเรื่องซับซ้อน และน่ากังวลสำหรับมือใหม่ แต่หากคุณเข้าใจ และเตรียมตัวตามเกณฑ์ 5C อย่างเคร่งครัด มันคือเครื่องพิสูจน์ให้ธนาคารเห็นว่าคุณคือลูกค้าชั้นดีที่มีศักยภาพ และความพร้อม เมื่อเราปิดความเสี่ยงในทุกมิติ และแสดงความน่าเชื่อถือออกมาได้อย่างชัดเจน การเปลี่ยนสถานะจากผู้ยื่นกู้เป็นผู้ได้รับอนุมัติสินเชื่อ เพื่อนำเงินไปสานฝันให้เป็นจริง ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน

หน้าแรก » กิจกรรม